ผู้กำกับ: ไดโกะ มัทสึอิ
ผู้แต่ง: มาริโกะ ยามาอูจิ (นิยาย)
วันเข้าฉาย: 3 ธันวาคม 2016 (ประเทศญี่ปุ่น)
วันเข้าฉาย 9 มีนาคม 2017
จัดจำหน่ายโดย: Phantom Film
ภาษา: ญี่ปุ่น
ประเทศ: ญี่ปุ่นเรื่องย่อ
ฮารูโกะ เป็นพนักงานออฟฟิศสาวโสดวัย 27 ปี จู่ๆ วันหนึ่งเธอก็หายตัวไป เมื่อโปสเตอร์ประกาศคนหายรูปเธอปรากฏอยู่ทั่วทุกมุมเมือง เรื่องวุ่นๆ ก็เกิดขึ้นตามมาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
1.หนังดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง Azumi Haruko wa Yukuefumei ของ มาริโกะ ยามาอูจิ (ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2013 โดยสำนักพิมพ์ Gentosha)
2.หนังปิดกล้องในวันที่ 2 ตุลาคม 2015
3.เป็นเวลานานถึง 7 ปีแล้ว นับจากที่นักแสดงสาว ยู อาโออิ ได้รับบทนำอย่างเต็มตัวในหนัง ตั้งแต่ตอนรับบทนำในเรื่อง One Million Yen and the Nigamushi Woman
Japanese Girls Never Die เป็นผลงานเรื่องใหม่ของ ไดโกะ มัทสึอิ ที่ทั้งภาพและเสียงพุ่งพล่านทะลุจออย่างทรงพลัง และมีฉากที่ถูกออกแบบมาอย่างดี หนังบอกเล่าเรื่องราวของคนญี่ปุ่น 3 เจเนอเรชั่น ซึ่งต่างต้องการเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศให้แก่ผู้หญิง หนังสร้างจากนิยายของนักเขียนสาว มาริโกะ ยามาอูจิ อำนวยการสร้างโดยโปรดิวเซอร์สาว โยโกะ เอดามิ และนำแสดงโดย 2 นักแสดงสาวมาแรงประจำเกาะญี่ปุ่น ยู อาโออิ และ มิตซึอิ ทาคาฮาตะ หนังตีประเด็นความแตกต่างทางเพศ การเหยียดอายุ และความไม่สมประกอบของสังคมประการอื่นๆ ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความเชื่อว่าในอนาคตทุกเพศจะเท่าเทียมเสมอกัน
หลังพบปะกับแฟนหนังที่มาดูในเทศกาล Tokyo International Film Festival เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ซึ่งเป็นรอบพรีเมียร์ของหนัง ไดโกะ มัทสึอิ และ 2 นักแสดงหนุ่ม ไทกะ และ โชโนะ ฮายามะ ก็ปรากฏตัวในงานแถลงข่าวหนัง พวกเขาใส่เสื้อฮู้ดสีเทา โดยที่ด้านหลังมีรูปภาพประกาศหาคนหายของ ยู อาโออิ ในหนัง และถึงแม้วันนี้นางเอกจะมาไม่ได้แต่ มัทสึอิ ยืนยันว่า "อาโออิซัง อยากมางานวันนี้จริงๆ ครับ"
ใน Japanese Girls Never Die อาโออิ รับบทเป็น ฮารูโกะ อาซูมิ สาววัย 27 ปี อาศัยอยู่ในครอบครัวที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความเย็นชา และทำงานอยู่ในออฟฟิศที่มีเจ้านาย 2 คนใช้เวลาส่วนใหญ่ดื่มชาและคอยพูดจาคุกคามทางเพศคนอื่น เมื่อรุ่นพี่ของ ฮารูโกะ ในออฟฟิศแต่งงานกับเจ้าบ่าวชาวฝรั่งเศส และย้ายไปอยู่ประเทศบูร์กินาฟาร์โซ ฮารูโกะ จึงเริ่มคิดถึงหนทางการหลุดพ้นของตัวเองบ้าง แต่ในงานแต่ง เพื่อนสมัยเรียนได้เตือนเธอว่า "การแต่งงานมันโคตรเฮงซวย ผัวเก่าฉันไม่เคยล้างจานเลยแม้แต่ใบเดียว" ในตอนนั้น ฮารูโกะ เองก็กำลังคบหาอยู่กับเพื่อนสมัยเด็ก และหวังว่าเขาจะหลุดพ้นจากความเซ็งชีวิตได้ แต่เมื่อเขาหลุดไม่พ้น ฮารูโกะก็หายตัวไปแบบไร้ร่องรอย แล้วเหตุการณ์วุ่นวายอะไรต่อมิอะไรก็เกิดขึ้นตามมา
อีกฟากหนึ่งของเมือง ไอนะ (ทาคาฮาตะ) สาวใสวัย 20 ผู้เปี่ยมชีวิตชีวากำลังจู๋จี๋กับอดีตเพื่อนร่วมชั้น ยูกิโอะ (ไทกะ) แล้วจากนั้นเธอก็มาร่วมกลุ่มกับ ยูกิโอะ และเพื่อนที่ชื่อ มานาบุ (ฮายาม่า) เป็น 3 สหายแก๊งพ่นสีกราฟฟิติ พวกเขาเอารูปประกาศคนหายของ ฮารูกะ มาใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำกลุ่ม พร้อมกับพ่นสีรูปนี้ไปทั่วทั้งเมือง เมื่อนั้นเอง ดาวเด่นในโลกโซเชี่ยลก็ถือกำเนิดขึ้น คนในทวิตเตอร์ต่างคาดการณ์ไปต่างๆ นานาเกี่ยวกับชะตาอันน่าสยดสยองของ ฮารูโกะ พร้อมกันนั้นก็มีกลุ่มสาวนักเรียนมัธยมตัวแสบ คอยเล่นงานเหล่า 'ผู้ชายโลเล' และองค์กรไม่หวังผลกำไรยังตัดสินใจสร้าง ธีมปาร์คเกี่ยวกับ 'ผู้หญิงที่หายไป' ขึ้นมาอีกด้วย
มัทสึอิ (Afro Tanaka, Wonderful World End, Our Huff and Puff Journey) ถือเป็นนักทำหนังที่คุ้นเคยดีกับหนังวัยรุ่น Young Adult แต่นี่คือครั้งแรกที่หนังของเขาจะเล่าเรื่องราวครอบคลุมถึงคน 3 เจเนอเรชั่น ตั้งแต่วัยรุ่น, วัย 20 กว่า และวัย 40 ปีซึ่งเป็นคนในออฟฟิศของ ฮารูโกะ นั่นเอง โดยตัวละครแต่ละช่วงวัยต่างมีแผลใจที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์เพศชายทั้งสิ้น ก่อนที่พวกเธอจะค้นพบความแข็งแกร่ง แล้วตัดสินใจว่า การแก้แค้นพวกผู้ชายที่ดีที่สุด คือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุด!
มัทสึอิ อธิบายตอนแถลงข่าวว่าเขาเลือก อาโออิ มาเล่นหนังเรื่องนี้เพราะ "เธออายุเท่ากับผมและโปรดิวเซอร์ครับ ผมเองเคยเจอเธออยู่หลายครั้ง ผมคิดว่าใบหน้าของเธอน่าจะดูดีทีเดียวเวลาอยู่บนโปสเตอร์ประกาศคนหาย นอกจากนั้นเธอยังเป็นนักแสดงที่มีฝีมือเหลือล้นเปรียบได้กับ ก็อดซิลล่า ของวงการครับ ส่วนสาเหตุที่ผมเลือก ทาคาฮาตะ เพราะผมเคยร่วมงานกับเธอมาก่อนด้วย และแม้ว่า ไอนะ จะเป็นตัวละครที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ แต่ผมอยากได้คนฉลาดมาถ่ายทอดบทนี้ครับ ไอนะ เปรียบได้กับ ฮารูโกะ ในมุมกลับ เราจึงต้องการคนที่มีความสามารถมากๆ ไม่แพ้ อาโออิ มาถ่ายทอดบทดังกล่าว"
โชโนะ ฮายาม่า เสริมว่า "ผมเองเป็นแฟนตัวยงของ อาโออิ มาหลายปีแล้วครับ ผมตื่นเต้นมากที่จะได้อยู่ในหนังเรื่องเดียวกันกับเธอ แม้เราจะไม่มีโอกาสได้เข้าฉากเดียวกันก็ตาม แต่อย่างน้อยผมก็ได้พ่นสีเป็นรูปหน้าเขานะ"
ทั้ง ไทกะ และ ฮายาม่า มีอายุเท่ากับตัวละครที่สวมบทบาท และมีอะไรหลายๆ อย่างที่เหมือนกันในชีวิตจริงด้วย มัทสึอิ อยากให้ ไทกะ มารับบท ยูกิโอะ ที่กำลังดื้นรนเพื่อหลุดพ้นไปจากชีวิตเส็งเคร็งตั้งแต่ตอนเริ่มโปรเจ็คท์ ขณะที่ มานาบุ ก็มีส่วนคล้ายกับ ฮายาม่า เช่นกัน ฮายาม่ายอมรับว่า "ผมชอบเขานะ (มานาบุ) ผมมีพลังงานเหลือล้น และระเบิดพลังออกมาเสมอเวลาเล่นบทนี้ ผมคิดว่าเขาเป็นตัวละครแบบเดียวกับคนในเจนฯ ของเรานั่นแหละ เราล้วนอยากสนุกไปกับชีวิต แล้วก็เป็นพวกที่เสียงดังมากๆ ด้วยครับ"
ไทกะ เองก็พยักหน้าเห็นด้วยพร้อมบอกว่า "พวกเรา 3 คน (แก๊งพ่นสี) แค่ทำในสิ่งที่เราอยากทำเพราะเรายังเป็นเด็ก ตอนที่ผมได้ดูหนังจนจบ ผมเพิ่งตระหนักว่าเราอาจเป็นฝ่ายทำร้าย ฮารูโกะ โดยไม่รู้ตัว ผมรู้สึกว่าเรามันโคตรเลวเลยครับ ผมรู้สึกผิดมากที่ทำทำเรื่องแย่ๆ แบบนั้นลงไป"
เมื่อ มัทสึอิ ถูกถามว่าทำไมถึงตัดสินใจเล่าหนังเรื่องนี้แบบไม่เรียงลำดับเวลา และมีวิธีจัดการกับความซับซ้อนของเส้นเรื่องอย่างไรบ้าง เขาตอบว่า "ผมไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องรึเปล่า ผมแค่อยากสร้างความสับสนอลหม่านแก่เส้นเรื่องครับ" เขายังบอกว่าในนิยายต้นฉบับนั้นดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรง "สาเหตุที่ ฮารูโกะ หายไปในนิยายมันเห็นเด่นชัดเกินไป ผมไม่อยากให้หนังของผมออกมาเป็นแบบนั้นครับ ผมไม่อยากเล่าเรื่องออกมาอย่างสมเหตุสมผล ผมต้องการให้มันออกมาแนว Impressionism ผมอยากให้คนดูสัมผัสได้ถึงอารมณ์นั้น ตอนเขียนบทเลยตัดสินใจหั่นเหตุการณ์แต่ละพาร์ทออกเป็น 15 ส่วน แล้วซอยเพิ่มอีก 15 ส่วนตอนอยู่ในห้องตัดครับ"
มัทสึอิ กล่าวปิดท้ายว่า "ผมอยากสร้างหนังที่ไม่เคยมีใครสร้างมาก่อน ผมอยากบันทึกภาพยุคสมัยของสังคมญี่ปุ่นในปัจจุบัน ผมหวังว่าผมจะทำออกมาได้ดีครับ" นอกจากนั้นเขายังบอกอีกว่ามีแอพพลิเคชั่นในเว็บไซต์ของ Japanese Girls Never Die ให้เราสามารถเข้าไปสร้างรูปคนหายของตัวเองได้ตามใจชอบอีกด้วยนะ
หนังเรื่องล่าสุดของ ไดโกะ มัทสึอิ (Wonderful World End) นักแสดงซึ่งหันมาเอาดีด้านการกำกับ มี 2 ชื่อด้วยกัน และแต่ละชื่อต่างบอกใบ้อะไรบางอย่างแก่คนดู ชื่อแรก Japanese Girls Never Die มันมาพร้อมคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่? หนังเต็มไปด้วยคำถาม และคำตอบเกี่ยวกับชีวิตส่วนเสี้ยวหนึ่งของผู้หญิงที่ถูกสังคมจำกัดไว้ในกรอบ ส่วนอีกชื่อจะตรงกว่าหน่อยคือ Haruko Azumi is Missing
แม้ผู้หญิงจะเป็นคนชายขอบ ถูกเมินเฉย และมีบทบาทเพียงน้อยนิดในสังคมญี่ปุ่น แต่ท่าทีที่ มัทสึอิ แสดงออกมาผ่านหนังก็ยังแสดงให้เห็นว่า พวกเธอจะ 'ไม่มีวันตาย' ตราบใดที่ใครบางคน หรือที่ไหนสักแห่งให้ความสนใจและรวมตัวกันต่อสู้เพื่อสถานภาพทางสังคมที่ดีกว่าเดิม
การหายตัวไปของ ฮารูโกะ (ยู อาโออิ) คือเหตุการณ์สำคัญของเรื่อง ที่ผู้เขียนบทโดย มิซากิ เซโตยาม่า โดยเธอดัดแปลงบทจากนิยายของ มาริโกะ ยามาอูจิ เมื่อปี 2013 อีกที หนังดึงดูดความสนใจผ่านการใช้ฉากที่คนดูคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน ก่อนนำไปสู่ภาพของผู้คนที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังในตัวผู้หญิง เป็นภาพที่ทั้งเสียดแทงใจและติดแน่นอยู่ในสังคมญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน
สิ่งที่อาจช่วยให้คนอยากดูหนังเรื่องนี้มากขึ้น หลังจากฉายที่ญี่ปุ่นไปตั้งแต่เดือนธันวาคม และหลังจากไปตระเวนฉายตามเทศกาลต่างๆ Japanese Girls Never Die ยังเล่าถึงแก๊งสาววัยทีนในชุดเครื่องแบบที่เล่นงานชายฉกรรจ์ไปทั่วโตเกียว ให้พวกเขาได้หลาบจำที่มองผู้หญิงเป็นเพียงสิ่งของและวัตถุทางเพศ
ใบหน้าของ ฮารูโกะ บนโปสเตอร์คนหาย คือสิ่งแรกที่คนดูจะได้เห็น ตัวละครตัวนี้มีชีวิตขึ้นมาได้จากการแสดงอันละเอียดอ่อนและชวนอินของ อาโออิ เจ้าของรางวัลออสการ์ญี่ปุ่น (Japan Academy Award) จากหนังเรื่อง Hula Girl เมื่อปี 2008 หนังเผยรายละเอียดเกี่ยวกับ ฮารุโกะ ก่อนที่ตัวละครตัวนี้จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยว่าเป็นสาวโสดอายุ 28 ปี แต่ไม่มีความสุขทั้งเวลาอยู่ที่ทำงาน ที่บ้าน และเมื่ออยู่กับเพื่อสมัยเด็กที่กลายมาเป็นเพื่อนบ้าน ชายหนุ่มผู้หื่นกามแต่ไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้ (ฮิวอี้ อิชิซากิ)
ยิ่งไปกว่านั้น ในแต่ละวัน ฮารูโกะต้องเผชิญกับเหล่าหัวหน้าที่เป็นผู้ชายใจจืดใจดำ พวกเขามักปากเสียเกี่ยวกับอายุ รูปร่างหน้าตาและพูดถึงความสัมพันธ์กับพนักงานผู้หญิงคนอื่นๆ เสมอ แล้วยังหาทางจ้างพนักงานสาวเอ๊าะๆ คนใหม่เข้ามาตลอด พอตกกลางคืน ฮารูโกะก็ต้องมานั่งเครียดกับปัญหาครอบครัว เมื่อคุณย่าของเธอป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม โดยที่แม่ของเธอไม่มาดูดำดูดีแต่อย่างใด
มัทสึอิ บุกโจมตีชีวิตของ ฮารูโกะทุกหนทาง ทั้งจู่โจมเธอตรงๆ และจู่โจมทางอ้อมผ่านเพื่อนร่วมงานที่อายุมากกว่าเธอ ซึ่งเจอดีเข้าให้โทษฐานที่อายุ 37 ปีแล้วยังขึ้นคาน มันถือเป็นความเครียดที่ผู้หญิงญี่ปุ่นทุกคนสามารถพบเจอได้หมด
แม้จะเป็นที่รักของใครๆ ได้ง่าย แต่ฮารูโกะเป็นผู้หญิงที่ธรรมดาเกินไป แล้วเมื่อภาพของเธอปรากฏอยู่ทั่วทั้งเมือง เธอก็กลายเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงการถูกมองข้ามของสาวญี่ปุ่น กลุ่มคิลรอย (Kilroy) 3 คนเป็นผู้ทำให้ ฮารูโกะ โด่งดังขึ้นมาจากเอาโปสเตอร์ประกาศคนหายของเธอมาพ่นสีบนกำแพง แม้พวกเขาจะไม่ได้มีเจตนาส่งให้เธอกลายเป็นคนดัง แต่ Japanese Girls Never Die ต้องการสื่อถึงเจตนานั้นออกมาอย่างแน่นอน
3 สหายจอมพ่นสีนี้ก็มีประเด็นน่าสนใจ มานาบุ (โชโนะ ฮายาม่า) และ ยูกิโอะ (ไทกะ) เป็นเพื่อนซี้กัน แต่ทั้งคู่จะไม่ได้ตั้งใจให้แฟนสาววัย 20 ปีของ ยูกิโอะ อย่าง ไอนะ (มิทซูกิ ทาคาฮาตะ) มาร่วมวงด้วย แม้เธอจะเชื่ออย่างจริงจังว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นแข็งแกร่ง แต่ ยูกิโอะ ยินดีให้เธอร่วมวงไพบูลย์ด้วยจนกว่าเขาจะพบกับผู้หญิงที่เด็กกว่าเธอให้ควงเท่านั้น
เมื่อผลงานของพวกเขากลายเป็นกระแส ที่สื่อและเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างให้ความสนใจ กลายเป็นเรื่องที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สำหรับทั้ง มานาบุและยูคิโอะ ขณะเดียวกัน ไอนะ ก็เริ่มตาสว่างถึงสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ อีกด้านหนึ่งก็พลันเกิดปัญหาความรุนแรงจากแก๊งนักเรียนหญิงป่วนเมือง ด้วยหน้าฉากของพวกเธอที่แสดงให้เห็นความฮาเฮแต่แท้จริงแล้วซุกซ่อนความรุนแรงต่อเพศชายเอาไว้ บุรุษเพศจึงถูกเตือนให้ระวังตัวเวลาอยู่คนเดียวบนท้องถนนยามวิกาล
กล่าวโดยสรุป Japanese Girls Never Die นำเสนอสถานการณ์ร้อยแปดพันเก้า ผ่านหลายมุมมองและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการกระทำของแต่ละฝ่าย ซึ่งแตกต่างกันทั้งอายุ ช่วงเวลา รวมไปถึงการแบ่งแยกให้เห็นถึงโลกแห่งความเป็นจริงอันโหดร้าย กับโลกแฟนตาซีหวานแหววว ด้วยการช่วยเหลือของผู้กำกับภาพ ฮิโรกิ ชิโอยะ และมือตัดต่อ ซาโตโกะ โอฮาร่า ทำให้ มัทสึอิ สามารถเล่าหนังออกมาให้สัมผัสได้ถึงมุมมองและความรู้สึกอันโดดเด่น บางช่วงมาพร้อมความนิ่งและความประณีต สลับกับบางช่วงที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและความความโกลาหล ผู้สร้างสามารถร้อยเรียง 3 เรื่องราวให้เป็นเนื้อเดียวกัน ผ่านมุมมองที่ครอบคลุมรอบด้านของแต่ละฝ่ายซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังอันเดือดพล่าน
การปรับเปลี่ยนอารมณ์ไปมาระหว่างความซึ้งจริงใจ และความเย้ยหยันอย่างรุนแรงทำให้ Japanese Girls Never Die อาจเป็นหนังที่ดูไร้ระบบระเบียบ แต่เมื่อมันเริ่มตั้งหลักได้ คนดูจะสัมผัสได้ถึงใจความสำคัญของเรื่องว่า แม้ผู้หญิงจะเป็นคนชายขอบ ถูกเมินเฉย และมีบทบาทเพียงน้อยนิดในสังคมญี่ปุ่น แต่ท่าทีที่ มัทสึอิ แสดงออกมาผ่านหนังก็ยังแสดงให้เห็นว่า พวกเธอจะ 'ไม่มีวันตาย' ตราบใดที่ใครบางคน หรือที่ไหนสักแห่งให้ความสนใจในตัวตนและหัวใจของพวกเธอ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit