นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน บริษัท ครีเอทีฟ อีเว้นท์ อันดับ 7 ของโลก จัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชี่ยน อีเว้นท์ แม็กกาซีน ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า "เนื่องด้วยการเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (CLMV) มีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง Q1 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเทศเมียนมา ประกอบกับนโยบายทางรัฐบาลไทย และเมียนมาที่ส่งเสริมความร่วมมือกันในด้านต่างๆ อาทิ เรื่องโครงสร้างการคมนาคม การอุปโภคบริโภค และการท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา และการลงทุน ทั้งในด้านบุคลากร และเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งอินเด็กซ์ฯ ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศเมียนมาตั้งแต่ปี 2011 ด้วยการยกโมเดลธรุกิจอีเว้นท์จากประเทศไทย ไปสร้างสีสันให้กับตลาด โดยใส่ความคิดสร้างสรรค์ ขยายสู่ธุรกิจที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร ล่าสุดกางแผนแนวบุกอาเซียน ปี 2560 โดยเน้นกลยุทธ์สร้างสรรค์งานในลักษณะการสร้างประสบการณ์ร่วมในรูปแบบของ Business to Consumer หรือ (B2C) มากขึ้น โดยรูปแบบโมเดลธุรกิจที่เป็นลักษณะของอีเว้นท์ ยังคงได้รับความนิยม และมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง จึงส่งซีรีส์งานในรูปแบบของความบันเทิงไลฟสไตล์หลากลหาย พร้อมสร้างกิจกรรมให้กับลูกค้าประเดิมต้นปี อาทิ รูปแบบของคอนเสิร์ต เทศกาลงานดนตรีอิเล็กซ์ทรอนิกส์ยุคใหม่ หรือ อีดีเอ็ม (EDM) โดยมีดีเจชั้นนำจากต่างประเทศ และดีเจชั้นนำจากเมียนมา ที่จะมาสร้างความมันส์ และงานคอนเสิร์ตที่เอาใจคอเพลงฮาร์ดร็อกสไตล์ ถ่ายทอดโดยศิลปินเพลงร็อคชื่อดังของเมียนมาในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ด้านรูปแบบของงานเทรดโชว์ที่ทางอินเด็กซ์ฯ มีเทรดแฟร์ประจำอยู่ 3 งานต่อปี จัดต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 3 ปี คือ งานเมียนมา บิวท์ แอนด์ เดคคอว์ (Myanmar Build & Decor) งานเมียนมา ฟู้ดเบฟ (Myanmar FoodBev) และงานเมียนมา รีเทล แอนด์ เอ็กซ์โป และงานอื่นๆ ที่กำลังทยอยตามมาอย่างต่อเนื่อง และรูปแบบของแคมเปญเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวสินค้า ในส่วนของภาคเอกชน ทั้งจากแบรนด์โลคอล และแบรนด์โกลบอล ต่างทำกิจกรรมการตลาด และทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงของเทศกาลสำคัญต่างๆ และในส่วนของภาครัฐบาล ที่มุ่งเน้นสร้างความเชื่อมั่นด้านความมั่นคง และการพัฒนาประเทศ ผ่านความร่วมมือกันระหว่างประเทศกับทุกภาคส่วน"
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน กล่าวเพิ่ม "ด้วยโอกาสการเติบโตของธุรกิจในประเทศเมียนมายังมีอีกหลายช่องทาง และโอกาสอีกหลายแง่มุมที่สามารถเข้าไปพัฒนา และต่อยอดได้ ประกอบกับการเจรจาทางการค้า และความร่วมมือระหว่างไทย และเมียนมาในการพัฒนาด้านต่างๆ เป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกทำให้เศรษฐกิจเป็นในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงเรียกความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ และนักลงทุนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ผนวกกับอินเด็กซ์ฯ มีความแข็งแกร่งในเรื่องของการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อพัฒนางานที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของอีเว้นท์อีกต่อไป ด้วย 5 ยุทธศาสตร์ 5 เครื่องมือหลัก คือ 1. งานด้านอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง (Event Marketing) 2. งานด้านการจัดเฟสทีฟ อีเว้นท์ (Festive Event) 3. งานด้านการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคผ่านงานวิจัย (Consumer insight: Research) 4. การสร้างช่องทางในการสื่อสารแบบผสมผสาน (Integrated media platform) และ 5. การจัดงานแฟร์ และเอ็กซิบิชั่นทุกรูปแบบ (Professional Exhibition Organizer) มั่นใจผลประกอบการณ์ Q1 ในกลุ่มธุรกิจอาเซียน วิงซ์ (ASEAN Wings) จะเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัว นอกจากนี้ได้ขยายธุรกิจในรูปแบบอื่นๆ อาทิ การพัฒนาพื้นที่เพื่อสร้างมูลค่า ในรูปแบบของสถานที่ท่องเที่ยว และการสร้างงานใหม่ๆ ที่เป็นโปรเจคของอินเด็กซ์ฯ เอง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงภายใต้หลักของการใช้ความคิดสร้างสรรค์"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit