นายรัมย์ เหราบัตย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางการดำเนินงานในปีนี้ยังคงเน้น 2 ด้านหลัก คือ การลงทุนและความสามารถในการทำกำไรของสินทรัพย์ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง โดยมีเป้าหมายขยายการลงทุนให้ได้ 7,500 เมกะวัตต์ และรักษาอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ (Return on Asset) ให้อยู่ที่ 6% ทั้งนี้ บริษัทฯ มีโครงการเป้าหมายที่อยู่ระหว่างเจรจาขั้นสุดท้ายและที่มีศักยภาพการลงทุนประมาณ 1,100 เมกะวัตต์ หรือเทียบเท่า และโครงการที่ลงทุนแล้วซึ่งกำลังพัฒนาและก่อสร้างอีก 538 เมกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอที่จะบรรลุเป้าหมายในปีนี้ได้
"ปีนี้ทิศทางการลงทุนจะกระจายออกไปธุรกิจอื่นนอกจากธุรกิจไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อเร่งการเติบโตและสร้างความมั่นคงของรายได้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 6,442 เมกะวัตต์ หากรวมโครงการกำลังพัฒนาและก่อสร้างที่บริษัทฯลงทุนไปแล้วจะทำให้กำลังผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 6,980 เมกะวัตต์ เราจะต้องแสวงหาโครงการใหม่เพิ่มอีก 520 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการที่มีอยู่ในมือขณะนี้น่าจะเพียงพอสำหรับเป้าหมายหากดำเนินการได้สำเร็จ บริษัทฯ ได้เตรียมเงินทุนไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งจะใช้ในโครงการที่กำลังพัฒนาและก่อสร้าง ที่เหลือจะใช้สำหรับโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้น เรามองว่าไทย สปป. ลาว ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมาร์ มีศักยภาพและโอกาสการลงทุนที่ดีมาก" นายรัมย์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะลงทุนโครงการพลังงานทดแทนเพิ่มให้ได้ 10% ของเป้าหมาย 7,500 เมกะวัตต์ หรือ 92 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน 658 เมกะวัตต์ โดยมี ออสเตรเลีย ไทย และ สปป. ลาว เป็นเป้าหมายหลักสำหรับการบริหารสินทรัพย์ บริษัทฯ มุ่งเน้นบริหารประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้า ทั้งระดับความเชื่อถือได้ (Reliability) และความพร้อมจ่าย (Availability) ของโรงไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำรายได้ให้แก่บริษัทฯ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าราชบุรี โรงไฟฟ้า หงสา โรงไฟฟ้าขนาดเล็กประเภทโคเจนเนอเรชั่น (SPP) และได้กำหนดเป้าหมายผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ไว้ที่ 6%
ในปี 2559 การดำเนินงานของบริษัทฯ มีผลเป็นที่น่าพอใจ โดยรับรู้กำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ จำนวน 8,338.23 ล้านบาท และกำไรส่วนของบริษัทฯ จำนวน 6,165.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93% จากปีก่อนหน้า สำหรับรายได้รวมมีจำนวน 51,279.88 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายและบริการ 93% (จำนวน 47,578.38 ล้านบาท) ส่วนแบ่งจากกิจการที่ควบคุมร่วมกันและเงินปันผล 6% (จำนวน 3,111.92 ล้านบาท) ที่เหลือเป็นรายได้จากดอกเบี้ยและอื่นๆ
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 เสนอจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น จำนวน 3,408 ล้านบาท คิดเป็น 2.35 บาทต่อหุ้นโดยจะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 ในวันที่ 5 เมษายน 2560 ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้ผู้ถือหุ้นแล้ว เป็นเงินจำนวน 1,595 ล้านบาท ในอัตรา 1.10 บาทต่อหุ้นเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2559 จึงคงเหลือเงินปันผลสำหรับงวดนี้ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท คาดว่าจะสามารถจ่ายผู้ถือหุ้นได้ในวันที่ 27 เมษายน 2560
ฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 96,391.09 ล้านบาท หนี้สินจำนวน 33,938.32 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 62,452.77ล้านบาท มีเงินสดและเงินลงทุน รวมจำนวน 12,594.69 ล้านบาท และกำไรสะสมจำนวน 48,825.15 ล้านบาท สำหรับอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ จัดอันดับโดยมูดีส์อยู่ที่ระดับ Baa1 เอสแอนด์พี อยู่ที่ระดับ BBB+ และทริสเรทติ้งที่ระดับ AAA ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ มีศักยภาพและความสามารถที่จะระดมทุนด้วยต้นทุนการเงินที่ดี เพื่อรองรับขยายการลงทุนในอนาคตได้อีกมาก
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit