เออร์วิน ครีด (Erwin Creed) เจ้าของและทายาทผู้ก่อตั้งแบรนด์ "ครีด" รุ่นที่7 กล่าวถึงการสร้างสรรค์ตำนานครีดให้คงเอกลักษณ์แต่ยังร่วมสมัยว่า "เราเรียนรู้ทุกอย่างจากคุณพ่อ คุณโอลิเวอร์ ครีด ทายาทรุ่นที่6 เราอยากให้ครีดยังคงเป็นตำนานแต่ก็สามารถใช้ได้ในยุคนี้ เราได้เรียนรู้พัฒนาครีดจากการเดินทาง การผจญภัย เพื่อค้นหาวัตถุดิบใหม่ๆแปลกๆทุกมุมโลก บางครั้งเราก็เพิ่มความบ้าบิ่น แปลกใหม่ให้มากขึ้นเล็กน้อย เพื่อจะได้เปิดหูเปิดตารับสิ่งใหม่ๆเพราะว่ามันคงไม่น่าสนใจเท่าไหร่หากเราไม่แตกต่างจากคนอื่น ดังนั้นเราจึงหาจุดผสมที่ลงตัว ระหว่างกลิ่นที่ใช้และไอเดียที่ได้ และแน่นอนใส่ความรักที่มีต่อการปรุงน้ำหอม ซึ่ง ความรักในงานที่ทำ คือความลับที่ทำให้ครอบครัวของเราประสบความสำเร็จ เพราะเราอุทิศทั้งกายและใจให้กับการสร้างสรรค์น้ำหอม และผลงานล่าสุดที่ให้คนทั่วโลกได้ น่าหลงใหล ชวนสัมผัส อีกครั้งคือน้ำหอม Royal Mayfair และน้ำหอม Royal Princess Oud"
"นอกเหนือจากการสรรหาสิ่งใหม่ๆและพิถีพิถันในการปรุงน้ำหอม สิ่งสำคัญคือการดำรงรักษาเอกลักษณ์แลประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของเฮ้าส์ ออฟ ครีด ที่มีอายุมากกว่า 250 ปี เพราะการดำรงตำแหน่งทายาทรุ่นที่ 7 ของเฮ้าส์ ออฟ ครีดเปรียบเสมือนผู้พิทักษ์ศาสตร์การปรุงน้ำหอมที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นของตระกูลครีด และด้วยความภาคภูมิใจนี้ เราตั้งใจรักษาภาพลักษณ์ และการดำรงผลงานชิ้นสำคัญชิ้นก่อนๆของเฮ้าส์ ออฟ ครีด ให้คลายคลึงกับขวดแรกที่ได้ผลิตมากที่สุด ถึงแม้เราจะต้องผ่าผันกับปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เช่น อากาศ ที่ทำให้วัตถุดิบมีความแตกต่างจากเดิม เพราะการปรุงน้ำหอมของ ครีด คือ การให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่ดีที่สุด
สัมผัสน้ำหอมชั้นสูงอันทรงคุณค่าทุกคอลแลคชั่นของ "ครีด" ที่กาลเวลาไม่สามารถพรากกลิ่นหอมที่คงความคลาสสิค ไร้กาลเวลานี่ได้ อย่างเช่น Green Iris Tweed, Royal Water, The Exclusive Collection และ Aventus น้ำหอมตัวชูโรงและขายดีที่สุดของแบรนด์ครีดที่เสน่ห์ความหอม และเอกลักษณ์ไม่เหมือนแบรนด์อื่นๆ" ได้แล้ววันนี้ ที่เคาน์เตอร์ Creed ห้างสยามพารากอน ชั้น Main floor
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit