สำหรับผู้สนใจสามารถสืบค้นข้อมูลวัสดุเพื่อการออกแบบในช่องทางออนไลน์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่เว็บไซต์http://materials.tcdc.or.th หรือสมัครสมาชิกฐานข้อมูลวัสดุออนไลน์ที่ www.materialconnexion.com/th สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) 1160 อาคารไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10501 โทรศัพท์ 02-105-7441
นายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) กล่าวว่า ปัจจุบันในวงการแฟชั่น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หลากหลายแบรนด์ยักษ์ใหญ่ได้ให้ความสำคัญกับการเลือกวัตถุดิบที่แปลกใหม่ เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์ของตนเอง ประกอบกับหนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงของผู้บริโภคในปี 2017 คือกระแสรักธรรมชาติ และการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติ เน้นการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อาทิ ผ้าฝ้ายออแกนิค เส้นใยไผ่ ไหม ลินิน เส้นใยสับปะรด รวมไปถึง เส้นใยกัญชง ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างแพร่หลาย หลากหลายแบรนด์ชั้นนำ อาทิ หลุยส์วิตตอง (Louis Vuitton) เฟนดิ (Fendi) ได้ผลิตคอลเลคชั่นพิเศษที่ใช้ใยกัญชงเป็นวัสดุหลัก ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นหนึ่งในโอกาสที่ดีของเมืองไทย ที่มีประสิทธิภาพในการเพาะปลูก และผลิตเป็นเส้นใยป้อนเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมของโลกต่อไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เส้นใยกัญชง มีจุดเด่นในเรื่องความแข็งแรง ทนทาน ขณะเดียวกันก็มีความยืดหยุ่น สามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มได้แข็งแรงกว่าฝ้าย ดูดซับความชื้นได้ดีกว่าไนลอน ให้ความอบอุ่นได้มากกว่าลินิน สีติดคงทนกว่าผ้าฝ้าย ป้องกันรังสียูวี สามารถทนความร้อนได้ถึง 170 องศาเซลเซียส และคุณลักษณะโครงสร้างของเส้นใยกัญชงยังสามารถนำไปผลิตเนื้อผ้าที่บางได้เท่าที่ต้องการ จากคุณสมบัติต่างๆ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเส้นใยกัญชงมีคุณสมบัติพิเศษ คือ สวมใส่เย็นสบายในหน้าร้อน ขณะเดียวกันก็ให้ความอบอุ่นในหน้าหนาว ส่งผลให้ผ้าที่ทอจากเส้นใยกัญชงจะมีราคาสูงแต่ก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในยุโรป อเมริกา รวมถึงภูมิภาคอื่นๆ ที่มีอากาศหนาวเย็นเป็นเวลานาน ซึ่งปัจจุบัน แบรนด์สินค้าชั้นนำของโลกได้มีการนำเส้นใยกัญชงไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ แล้ว เช่น ผลิตภัณฑ์รองเท้าจากแบรนด์ไนกี้ (Nike) อดิดาส (Adidas) หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) รวมถึงกระเป๋าจากแบรนด์เฟนดิ (Fendi) เป็นต้น
อย่างไรก็ดี สถานการณ์กัญชงในประเทศไทยนั้น ขณะนี้ นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาฯ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส) ให้กัญชง หรือแฮมพ์ ผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี ให้เป็นพืชเศรษฐกิจ สามารถปลูกเชิงอุตสาหกรรมได้แล้ว โดยใช้ปลูก 6 จังหวัด 15 อำเภอ ดังนี้ จังหวัดเชียงใหม่ 4 อำเภอ ได้แก่ แม่วาง แม่ริม สะเมิง และแม่แจ่ม จังหวัดเชียงราย 3 อำเภอ ได้แก่ เทิง เวียงป่าเป้า และแม่สาย จังหวัดน่าน 3 อำเภอ ได้แก่ นาหมื่น สันติสุข และสองแคว จังหวัดตาก ที่อำเภอพบพระ จังหวัดเพชรบูรณ์ 3 อำเภอ ได้แก่ เมือง หล่มเก่า และเขาค้อ จังหวัดแม่ฮ่องสอนที่อำเภอเมือง โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศ 1 ปี ซึ่งเชื่อมั่นว่าการที่กัญชงได้รับการอนุญาตให้สามารถปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจได้อย่างเป็นทางการแล้วนั้นจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ SMEs และนักออกแบบในกลุ่มธุรกิจสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม รวมถึงธุรกิจแฟชั่นอื่นๆ เพื่อสามารถผลิตและออกแบบสิ่งทอที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้มากขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ เส้นใยกัญชง เป็นหนึ่งในวัสดุสำหรับการออกแบบ ที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบได้รวบรวมไว้ในฐานข้อมูลของห้องสมุดวัสดุเพื่อการออกแบบ หรือ Material Connexion® Bangkok จากวัสดุทั่วโลกกว่า 8,000 ตัวอย่างวัสดุ มาไว้ในแหล่งเดียว เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs และนักออกแบบเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานและผลิตภัณฑ์ต่างๆ พร้อมได้สัมผัสกับตัวอย่างวัสดุจริง รวมถึงยังมีการอัพเดทเทรนด์ของวัสดุจากทั่วโลกอยู่เสมอ เพื่อให้ผู้ประกอบการและนักออกแบบรู้เท่าทันเทรนด์การออกแบบและความต้องการในตลาดโลก นายอภิสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้สนใจสามารถสืบค้นข้อมูลวัสดุเพื่อการออกแบบในช่องทางออนไลน์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่เว็บไซต์http://materials.tcdc.or.th หรือสมัครสมาชิกฐานข้อมูลวัสดุออนไลน์ที่ www.materialconnexion.com/th สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) 1160 อาคารไปรษณีย์กลาง ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10501 โทรศัพท์ 02-105-7441
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit