บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ (BTW) รักษาฐานรายได้ 1,897 ล้านบาท โชว์แบ็กล็อกในมือร่วม 1,000 ล้านบาท จ่ายปันผลเพิ่ม 0.07 บาท/หุ้น เตรียมประมูลงานใหม่กว่า 10,000 ล้านบาทในปีนี้

27 Feb 2017
บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ หรือ BTW เผยผลประกอบการปี 2559 รายได้รวมใกล้เคียงปีก่อน โชว์แบ็กล็อกรอรับรู้รายได้ร่วม1,000 ล้านบาท แนวโน้มปี 60 มีลุ้นงานโครงการโมดูล
บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ (BTW) รักษาฐานรายได้ 1,897 ล้านบาท โชว์แบ็กล็อกในมือร่วม 1,000 ล้านบาท จ่ายปันผลเพิ่ม 0.07 บาท/หุ้น เตรียมประมูลงานใหม่กว่า 10,000 ล้านบาทในปีนี้

นายโชติก รัศมีทินกรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTW เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 2559 ว่า " ผลประกอบการปี 2559 ตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ 1,897.07 ล้านบาท ลดลง 52.03ล้านบาท คิดเป็น 2.67 % จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558 โดยรายได้รวมปีนี้ไม่มีรายได้จากงานแปรรูปและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ ( Modularization ) แต่มีรายได้จากงานแปรรูปชิ้นงานเหล็ก ( Parts Fabrication ) 1,317.15 ล้านบาท และ งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าแบบครบวงจร ( Power Plant EPC Contractor ) 464.02 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานรับเหมาสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ และเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทฯได้เริ่มดำเนินการในปีที่ผ่านมา สำหรับปี 2559 กลุ่มบริษัทมีผลกำไรสุทธิ 107.53 ล้านบาท ลดลง 567.27 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2558 โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 5.67 % ของรายได้รวม"

นายโชติก กล่าวต่อว่า "นับแต่บริษัทฯนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai บริษัทฯให้ความสำคัญในการดูแลผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ โดยบริษัทฯได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้ผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2559 ในอัตราร้อยละ 0.27 บาทต่อหุ้น รวมเงินทั้งสิ้น204.12 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 5.84% จากราคาปิดของวันก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทฯยังมีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการจ่ายเงินปันผล จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2560 ถึง 31 มีนาคม 2560 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท รวมเงินทั้งสิ้น 52.92 ล้านบาท อีกด้วย"

นายโชติก ยังกล่าวอีกว่า "ใน ปี 2560 นี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมประมูลงานหลายโครงการ มูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย 1. งานผลิตโครงสร้างเหล็ก ( Part Fabrication) ให้กับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่หลายโครงการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2.งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก ประกอบไปด้วย พลังงานชีวมวล พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงาน BIOGAS 3. งานโมดูล ( Module ) ทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเห็นแนวโน้มที่ชัดเจนในช่วงครึ่งหลังปีนี้ หลังจากราคาสินแร่ต่างๆ และราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว"

นายโชติก กล่าวทิ้งท้ายว่า "การที่เบสท์เทค ซึ่งเป็นบริษัทแกนของ BTW มีความสามารถในการรับงานที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการโครงสร้างเหล็กขนาดเล็กไปจนถึงงานโมดูล (Module) ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีกลยุทธ์การเพิ่มรายได้จากอุตสาหกรรมอื่นๆ ในขณะที่อุตสาหกรรมก๊าซและน้ำมันยังอยู่ในภาวะชะลอตัว อีกทั้งบริษัทมีศักยภาพทั้งในด้านบุคคลากรและเครื่องจักรอันทันสมัย ประกอบกับการมีโรงงานอยู่ติดท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ อันถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้ลูกค้าเลือกเราเป็นอันดับต้นๆ และในปี 2560 นี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้โตอีกอย่างน้อย 10 % และคาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องตามสภาวะสินค้าโภคภัณฑ์รวมไปถึงการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจ โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะมาจากแบ็กล็อกในมือของบริษัทฯมูลค่า 945 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งโตขึ้นกว่า 24% จากสิ้นปี 2558"

บริษัท บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น หรือ Holding Company โดยมีบริษัท เบสท์เทค แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เป็นบริษัทแกน ก่อตั้งในปี 2530 ประกอบธุรกิจให้บริการแปรรูปผลิตภัณฑ์และโครงสร้างเหล็ก หรือ Steel Fabricationที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติร่วม 30 ปี โดยกลุ่มของงานบริการหลักประกอบด้วย งานแปรรูปและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ หรือ โมดูล (Modularization) ซึ่งเป็นการผลิตกลุ่มชิ้นงานเหล็กหรือระบบการผลิตแยกเป็นหลายโมดูลเพื่อนำไปประกอบในโครงการอุตสาหกรรมหนักขนาดใหญ่ และงานแปรรูปชิ้นงานเหล็ก หรือ Parts Fabrication ได้แก่ งานระบบท่อ งานแปรรูปและประกอบถังทนแรงดันและถังบรรจุและงานโครงสร้างเหล็ก