นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (ARROW) เปิดเผยว่า ขณะนี้โรงงานผลิตท่อร้อยสายไฟใต้ดิน (RTRC) และท่อเหล็กอ่อนกันน้ำแห่งที่ 2 บนพื้นที่ 7 ไร่ ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และสามารถดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ได้แล้ว ซึ่งจะช่วยเสริมกำลังการผลิตในส่วนงานท่อร้อยสายไฟได้ประมาณ 20% และท่อเหล็กอ่อนกันน้ำ ได้อีกประมาณ 10% หรือคิดเป็นกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นประมาณ 20-25% เนื่องจากเครื่องจักรมาพร้อมกับประสิทธิภาพในการผลิตที่ทำความเร็วได้กว่า 30 % ทำให้สามารถป้อนวัตถุดิบส่งให้กับโรงงานในเครือและรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้อย่างเต็มที่
"การลงทุนจากภาครัฐยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และความต้องการใช้ท่อ RTRC ยังมีอยู่สูงในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นงานรถไฟฟ้า งานนำสายไฟลงดินที่จะเร่งรัดจาก 10 ปีเหลือ 5 ปี และสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ทำให้บริษัทฯ ตัดสินใจลงทุนขยายการผลิตสร้างโรงงานดังกล่าวเพิ่มอีก 1 แห่ง ซึ่ง โรงงานใหม่แห่งนี้ถือเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันผลประกอบการของ ARROW ให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้นในอนาคต และช่วยเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันด้วย เนื่องจากทำให้มีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และสามารถรองรับความต้องการของตลาดท่อร้อยสายไฟใต้ดินที่มีแนวโน้มขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดี ตามโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นระบบสายไฟฟ้าใต้ดินจากภาครัฐ นอกจากจะช่วยเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันของ ARROW ให้สูงขึ้นแล้ว ยังหนุนให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากในอนาคต และยังเป็นการขยายฐานลูกค้าหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย"นายธานินทร์กล่าว
เขากล่าวต่อว่าปี 2560 ถือเป็นปีทองของบริษัทฯ เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากงานภาครัฐฯ ได้แก่ เส้นทางรถไฟฟ้าสีเหลือง เส้นทางรถไฟฟ้าสีส้มและเส้นทางรถไฟฟ้าสีชมพู รวมทั้งเริ่มมีการรับรู้รายได้จากท่อร้อยสายไฟใต้ดิน ที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ม.อ.ก.) เป็นรายแรกของประเทศไทย
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการท่อร้อยสายไฟใต้ดิน ARROW จะได้รับผลบวกโดยตรงจากนโยบายนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ที่ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ดำเนินโครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินใน 3 เขตพื้นที่ของกทม.ที่มีมูลค่ารวมประมาณ 9,800 ล้านบาท และยังมีโครงการต่อเนื่องในระยะ 1-5 ปีข้างหน้าอีกประมาณ 50,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างอาคาร และอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 เชื่อว่ายังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากงานภาครัฐฯ ซึ่งจะผลักดันให้บริษัทฯได้รับอานิสงส์จากออเดอร์ที่มีเข้ามา เมื่อผนวกกับงานที่อยู่ในมือ (Backlog) ขณะนี้รวมทั้งสิ้นประมาณ 170 ล้านบาท ที่ทยอยรับรู้รายได้ จึงทำให้มั่นใจรายได้ปี 2560 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% หรืออยู่ที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 18-22%
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit