เรื่องย่อ
บาปขั้นสุด ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด...
เรื่องราวของ "พิณ" (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) หญิงสาวที่มีความรักอย่างลับๆ กับพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งมานาน ด้วยความสัมพันธ์ที่ผิดจารีตนี้ทำให้เธอต้องทุกข์ทรมานอยู่กับความผิดบาปในใจ จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองภายในกุฏิที่เป็นรังรักของเธอกับพระสงฆ์รูปนั้น
จนกระทั่งการมาถึงของ "ซัน" (ชาลี ปอทเจส) เด็กหนุ่มวัยคะนองที่มาบวชในวัดป่าแห่งนี้เพื่อหนีความผิดบางอย่าง กุฏิร้างที่ถูกปิดตายมานานหลังนั้นจึงถูกเปิดขึ้นอีกครั้งจากการขอจำวัดแยกกับพระรูปอื่น
การบวชอย่างไม่เต็มใจนี้ทำให้ซันยังคงใช้ชีวิตปกติเสมือนวัยรุ่นทั่วไปถึงแม้ตนเองจะห่มผ้าเหลืองแล้วก็ตาม รวมไปถึงการแอบคบหากับ "ฝ้าย" (พลอย ศรนรินทร์) สาววัยรุ่นผู้โหยหาความรัก และดูเหมือนว่าความรักครั้งนี้จะเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวให้ทั้งคู่เชื่อมั่นว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด
ทุกการกระทำที่ท้าทายของซัน ทำให้เขาต้องเข้ามาพัวพันกับความลับที่น่าสะพรึงกลัว อดีตอันดำมืดที่กำลังย้อนกลับมาเอาคืน กฎแห่งกรรมที่ยังไม่หลุดพ้นของคนในวัด และการถูกเฝ้ามองจากสิ่งที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "เปรต"
บทบาท-คาแรคเตอร์
ซัน (นำแสดงโดย ชาลี ปอทเจส) - เด็กหนุ่มบ้านรวยผู้เอาแต่ใจตัวเอง เขาหลบมาบวชเพื่อหนีความผิดบางอย่างที่ได้ทำไว้ การบวชอย่างไม่เต็มใจนี้ทำให้เขายังไม่ทิ้งนิสัยเดิมๆ และการแอบคบหากับ "ฝ้าย" สาววัยรุ่นละแวกวัด ซึ่งทั้งคู่กำลังจะก้าวล้ำความสัมพันธ์ที่ไม่ควร รวมถึงการต้องเข้าไปพัวพันกับความลับอันดำมืดภายในวัดนี้เองที่ทำให้ซันกำลังจะได้รับบทเรียนชีวิตครั้งใหญ่
ฝ้าย (พลอย ศรนรินทร์) - เด็กสาววัยรุ่นต่างจังหวัด หน้าตาน่ารัก อาศัยอยู่กับยายเพียงลำพัง ฝ้ายมักเข้าวัดทำบุญ ดูเหมือนเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายในสายตาของยาย แต่ในส่วนลึกของเธอก็รู้สึกขัดแย้งกับสิ่งที่เรียกว่า "บาป" หรือ "กรรม" เพราะเธอรู้สึกว่าพ่อไม่เคยได้รับผลจากการที่ทิ้งเธอไปแม้แต่น้อย จึงทำให้ฝ้ายต้องการและโหยหาความรักมาโดยตลอด ซึ่งเธอก็เชื่อมั่นว่าความรักไม่ใช่เรื่องที่ผิด และมันก็เป็นสิ่งที่สวยงามเสมอไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด จนกระทั่งการแอบคบหากับเณรซันกำลังจะส่งผลกรรมมาที่เธอโดยตรง
พระทิน (ดนัย จารุจินดา) - พระหนุ่มที่เป็นเด็กกำพร้าถูกทิ้งไว้ที่วัดตั้งแต่เด็กๆ หลังจากที่แม่ของเขาถูกฆ่าตาย เขาได้ละทิ้งชีวิตทางโลกเพื่อออกบวชและศึกษาพระธรรมมาโดยตลอด จนได้มาเป็นพระพี่เลี้ยงให้กับเณรซัน ซึ่งพระทินอยากจะให้เณรค้นพบสัจธรรมของการดำรงอยู่อย่างมีสติ
พระอาจารย์ศีล (อรรถพร ธีมากร) - เจ้าอาวาสประจำวัดป่า เป็นพระผู้ใหญ่ที่เงียบขรึม เป็นที่เลื่อมใสของชาวบ้านและพระลูกวัด บางครั้งอาจจะดูละเลยที่จะเข้มงวดกับเณรซันไป เพราะเหตุนี้จึงทำให้หลายๆ คนไม่เข้าใจถึงความคิดและความรู้สึกจริงๆ ก่อนที่ความลับอันดำมืดที่เกี่ยวข้องกับท่านจะค่อยๆ เปิดเผยออกมา
พิณ (พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) - หญิงสาวชาวบ้านหน้าตาคมสวยที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ วัด เธอคือหญิงสาวผู้หลงรักกับพระสงฆ์รูปหนึ่งอย่างหมดหัวใจถึงแม้จะรู้ว่าไม่สมควร แต่เธอก็รอคอยให้เขาสึกออกมาใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกัน แต่สุดท้ายความฝันของเธอก็ดับสลาย เธอจึงตัดสินใจฆ่าตัวตายภายในกุฏิหลังนั้นซึ่งเป็นรังรักของเธอ
คนบ้า (สรพงษ์ ชาตรี) - ชายแก่ผู้เป็นบ้าที่อาศัยอยู่ในวัด แต่เกลียดพระ วันๆ เอาแต่เมา พูดเพ้อเรื่อยเปื่อย และด่าพระเป็นประจำ จนเป็นที่รังเกียจของชาวบ้านแถบนั้น แต่ดูเหมือนเขาจะล่วงรู้ความลับบางอย่างในวัดที่ถูกปกปิดไว้ หรือนั่นอาจจะเป็นแค่เรื่องไร้สาระที่เขาเพ้อเจ้อไปเองคนเดียว
บันทึกผู้กำกับ (Director's Note)
ภาพยนตร์เรื่อง "อาบัติ" เป็นเรื่องที่อยู่กับเรามานานมากตั้งแต่วันแรกที่ได้รับโจทย์จนกระทั่งวันนี้ ตีเวลารวมๆ เกือบ 5 ปี จนตัวเรามีเรื่องราวอยู่หลายต่อหลายเวอร์ชั่นที่ต้องการจะเล่า ตลอดระยะทางในการทำเรื่องนี้ เราผ่านการเรียนรู้และเติบโตในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่องที่เราตั้งมั่นที่จะพูดในหนังเรื่องนี้มาโดยตลอด นั่นคือเรื่องของ "สติ" และ "กระทำ" สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนเราให้เราตัดสินใจที่จะตัดอะไรและจะเก็บอะไรไว้ในวันที่เกิดปัญหาต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา
เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเปราะบาง แน่นอนว่ากระแสต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามามีผลอย่างยิ่งไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม เราต้องขอยอมรับตรงๆ เลยว่า ในช่วงเวลาเหล่านั้นไม่ว่าใครก็ตามจะห้ามเราในการรับรู้กระแสที่ถูกสั่งห้ามฉาย แต่ตัวเราเองก็เลือกที่จะรับรู้กระแสเหล่านั้นมาโดยตลอด
อาจจะเป็นเพราะการเล่าหนังในประเด็นนี้เป็นเรื่องอ่อนไหว มันจึงเหมือนหนังเรื่องนี้สอนเราไปด้วย
การที่เราเขียนบทไปและเล่าประเด็นเหล่านี้ไปนั้น ไม่เท่ากับสิ่งที่ตัวหนังพยายามจะทดสอบกับตัวเราด้วยเช่นกันว่าเราทำได้จริงไหม เหมือนที่ตัวละครในเรื่องพูดกันอยู่ การมีสติ การรู้ผิดรู้ชอบ และที่สำคัญคือการยอมรับในสิ่งที่ตนเองทำผิดและคิดแก้ไข
การได้รับโอกาสในการได้ทำ "เปรต อาบัติ" หรือ "อาบัติ Director's Cut" นี้ จึงเป็นการที่เราพยายามตกผลึกกับตนเองถึงสิ่งที่ต้องการจะเล่าอย่างจริงจังในสิ่งที่เคยกลัวและเลือกตัดทิ้งไปเองเสียก่อน จนถึงกระทั่งมีความจำเป็นต้องตัดและเลือกเล่าใหม่อีกครั้งเพื่อให้ได้ฉายตามข้อกำหนดนั้น ภาพรวมทั้งหมดแล้วเราต้องการจะเล่าเรื่องราวเหล่านี้อย่างไร และจะเล่าอะไรกันแน่ ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่ค่อนข้างสมบูรณ์ในความตั้งใจของตัวเราเอง
และไม่ว่าภาพยนตร์เวอร์ชั่นนี้ที่จะออกสู่สายตาประชาชนจะเหมือนหรือแตกต่างจากเดิมมากน้อยแค่ไหนนั้น สิ่งที่เราตั้งใจตั้งแต่ต้นถึงเจตนาในการทำเรื่องนี้จะยังคงเดิมเสมอ นั่นคือการนำเสนอเรื่องราวของ "บาปบุญคุณโทษ" และ "ผลแห่งการกระทำ" ในรูปแบบความเชื่อของเราซึ่งเป็นคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธและไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายแม้แต่น้อย
ขอบคุณทุกโอกาสที่ทำให้ได้กลับมาเล่าเรื่องนี้อีกครั้งค่ะ
ขนิษฐา ขวัญอยู่
(ผู้กำกับภาพยนตร์ "เปรต อาบัติ")
#เปรตอาบัติ พร้อมให้พิสูจน์บาปขั้นสุด ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด 16 มี.ค.นี้เฉพาะบางโรงภาพยนตร์
ชมตัวอย่างเต็มได้แล้วที่ FB/sahamongkolfilmint และ
https://youtu.be/UuWQKN1xbpM
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit