แนวคิดในการผสานพลังขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ V8 และมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง
ผลจากความสำเร็จอย่างงดงามหลังจากการเปิดตัว พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ซึ่งได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน V6 ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ปอร์เช่จึงไม่รีรอที่จะแสดงศักยภาพเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน hybrid ล้ำอนาคตที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะชั้นเลิศให้เป็นที่ประจักษ์อีกครั้งด้วย พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ใหม่ล่าสุด ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง (ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า/100 กิโลวัตต์) เป็นหนึ่งเดียวกับเครื่องยนต์ V8 (ให้กำลังสูงสุด 550 แรงม้า/404 กิโลวัตต์) ด้วยอุปกรณ์ de-coupler ซึ่งติดตั้งอยู่ภายใน Porsche hybrid module ควบคุมการทำงานด้วยระบบ electromechanically ผ่านชุดคลัทช์ไฟฟ้า electric clutch actuator (ECA) เช่นเดียวกับ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ผลคืออัตราการตอบสนองที่รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ยังคงความนุ่มนวลไม่เปลี่ยนแปลง ภายใต้แนวคิดเดียวกันในการออกแบบพัฒนาปอร์เช่ พานาเมร่า เจเนอเรชั่นที่ 2 ทุกคัน ระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ คลัทช์คู่ 8 จังหวะ Porsche Doppelkupplung (PDK) เปลี่ยนอัตราทดได้อย่างแม่นยำฉับไว เพียงเสี้ยววินาที ถ่ายทอดพละกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ adaptive all-wheel drive อย่างเหมาะสมในทุกสถานการณ์ผ่านระบบ Porsche Traction Management (PTM) ทั้งหมดนี้คือแนวคิด E-Performance ซึ่งขับเน้นสมรรถนะอันยอดเยี่ยมให้แก่ยนตกรรมสปอร์ตซาลูนสุดหรู เร่งออกตัวก้าวข้ามพิกัดความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในระยะเวลาเพียง 3.4 วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึงกว่า 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) คือยนตกรรมแกรนทัวริ่งระดับผู้นำที่กำหนดบรรทัดฐานใหม่ให้กับรถยนต์ระดับเดียวกัน พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ได้รับการติดตั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลม air suspension เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่งมอบประสิทธิภาพการทรงตัวและการยึดเกาะที่มั่นคงสไตล์สปอร์ตเต็มรูปแบบ โดยยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวล สะดวกสบายตอบรับทุกลักษณะการใช้งาน ให้ทุกการขับขี่และเดินทางเป็นประสบการณ์แห่งสมรรถนะเหนือระดับที่ได้รับจากยอดยนตกรรมสปอร์ตซาลูนคันนี้เท่านั้น
มอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ได้รับพลังงานจากแบตเตอรี่ liquid-cooled lithium-ion ซึ่งมีความจุถึง 14.1 กิโลวัตต์/ชั่วโมงโดยสามารถชาร์จพลังงานกลับจนกระทั่งเต็มความจุของแบตเตอรี่ภายในระยะเวลา 6 ชั่วโมง เมื่อใช้สายชาร์จแบบ 10A 230-V ในกรณีที่เลือกใช้อุปกรณ์พิเศษ สายชาร์จแบบ on-board ขนาด 7.2 กิโลวัตต์ 32A 240-V แทนที่อุปกรณ์มาตรฐานขนาด 3.6 กิโลวัตต์ จะสามารถชาร์จพลังงานกลับไปยังแบตเตอรี่จนเต็มความจุได้ภายในเวลาเพียง 2.4 ชั่วโมงเท่านั้น ขั้นตอนการชาร์จพลังงานจะได้รับการจับเวลาด้วยระบบ Porsche Communication Management (PCM) นอกจากนี้ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ยังได้รับการติดตั้งระบบปรับอากาศแบบ auxiliary air conditioning เพิ่มขีดความสามารถในการทำความเย็นหรือทำความอบอุ่นให้แก่ห้องโดยสารแม้ในขณะอยู่ระหว่างขั้นตอนการชาร์จ
สนองตอบ 3 วัตถุประสงค์การใช้งานอย่างยอดเยี่ยม สมรรถนะสปอร์ตเต็มขั้น ความสะดวกสบายผ่อนคลายในการเดินทาง และประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงชั้นเลิศสมรรถนะการขับขี่ หรูหราสะดวกสบาย และประสิทธิภาพการทำงาน คือความสมบูรณ์แบบ 3 สิ่งที่รวมกันอยู่ในรถยนต์ คันนี้ : ปอร์เช่ พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ออกสตาร์ทด้วยรูปแบบการขับเคลื่อนจากพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวด้วยโปรแกรม "E-Power" เป็นมาตรฐาน รถสปอร์ต 4 ประตูคันนี้ สามารถวิ่งในสภาวะ ยานยนต์ปราศจากมลพิษ หรือ zero emissions ได้ด้วยระยะทางสูงสุดถึง 50 กิโลเมตร แต่ในทันทีที่ผู้ขับขี่เรียกหาพละกำลังจากรถยนต์คันนี้ด้วยการเหยียบคันเร่งมากขึ้น หรือในขณะที่พลังงานในแบตเตอรี่ลดต่ำลงกว่าระดับที่กำหนด พานาเมร่าจะปรับการทำงานไปยังโปรแกรมการขับขี่แบบ "Hybrid Auto" ซึ่งกำลังขับเคลื่อนจากจุดกำเนิดทั้ง 2 จะได้รับการนำมาใช้พร้อมกัน อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรฐานการทดสอบของ New European Driving Cycle (NEDC) สำหรับรถยนต์ plug-in hybrid ทำได้ที่ 34.4 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 2.9 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร (อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 ที่ 66 กรัมต่อกิโลเมตร) และมีอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 16.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร
เพิ่มทางเลือกด้วยรุ่นฐานล้อพิเศษ
เรือธงคันใหม่ของ ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) เจเนอเรชั่นที่ 2: พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) กำลังจะได้รับการเผยโฉมเป็นครั้งแรกของโลกในงานมหกรรมยานยนต์สุดยิ่งใหญ่ Geneva Motor Show (จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 ถึง 19 มีนาคม 2017) ในโอกาสนี้ยนตกรรมแกรนทัวริ่ง 4 ประตูมาพร้อมทางเลือกที่สนองตอบความเหนือระดับยิ่งขึ้นจากความพิเศษในรุ่น Executive ซึ่งได้รับการขยายความยาวฐานล้อเพิ่มขึ้นถึง 150 มิลลิเมตร
ในส่วนของอุปกรณ์มาตรฐานที่ได้รับการติดตั้งใน พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) ประกอบด้วย ระบบเบรก Porsche Ceramic Composite Brake (PCCB) ระบบควบคุมการทำงานของช่วงล่างด้วยอิเล็กทรอนิกส์ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus) พร้อมระบบ Power Steering Plus และล้ออัลลอยด์ขนาด 21 นิ้ว ดีไซน์ 911 Turbo นอกจากนี้ยังได้รับการติดตั้งระบบปรับอากาศแบบ auxiliary air-conditioning อุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพตามหลักอากาศพลศาสตร์ และ ระบบช่วงล่างแบบถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ three-chamber air suspension พร้อมระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) ในรุ่นฐานล้อพิเศษติดตั้งระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง rear axle steering เป็นมาตรฐาน
ติดตามภาพข่าวได้จาก Porsche Newsroom (http://newsroom.porsche.de) และข้อมูลเพิ่มเติมที่ Porsche press database (http://presse.porsche.de)
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
พานาเมร่า เทอร์โบ (Panamera Turbo) : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.6-10.7 กิโลเมตรต่อลิตร (9.4-9.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร) ในเมือง 7.8-7.7 กิโลเมตรต่อลิตร (12.9-12.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร) นอกเมือง 13.8-13.6 กิโลเมตรต่อลิตร (7.3-7.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร), อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 214-212 กรัมต่อกิโลเมตร
พานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด (Panamera Turbo S E-Hybrid) : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 34.4 กิโลเมตรต่อลิตร (2.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร); อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า 16.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 66 กรัมต่อกิโลเมตรพานาเมร่า เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด เอ็กซ์เซคคูทีฟ (Panamera Turbo S E-Hybrid Executive) : อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 34.4 กิโลเมตรต่อลิตร (2.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร); อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า 16.2 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ (CO2) 66 กรัม ต่อกิโลเมตร
**ค่าที่ได้ขึ้นอยู่กับชนิดของยางรถยนต์ที่ได้รับการติดตั้ง
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit