นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า การขับรถในช่วงฝนตก มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าปกติ เนื่องจากสภาพถนนเปียกลื่น มีน้ำท่วมขัง ทำให้ประสิทธิภาพในการทรงตัว และยึดเกาะถนนของรถลดลง รวมถึงทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน เพื่อความปลอดภัยกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะข้อควรปฏิบัติในการเตรียมพร้อมสภาพรถช่วงฝนตก ดังนี้ ใบปัดน้ำฝน เนื้อยางไม่แห้งกรอบ หรือฉีกขาด ไม่มีเสียงดังขณะใช้งาน กวาดน้ำบนกระจกหน้ารถได้สะอาด ไม่มีรอยขุ่นมัว กระปุกน้ำฉีดกระจก ไม่มีรอยรั่วซึม หัวฉีดน้ำไม่อุดตัน และเติมน้ำผสมน้ำยาเช็ดกระจก หรือแชมพูในกระปุกฉีดน้ำ จะช่วยขจัดคราบสกปรกบนกระจกได้สะอาดมากขึ้น กรณีหัวฉีดน้ำอุดตันให้ใช้เข็มหมุดเจาะบริเวณรู พร้อมปรับทิศทาง ของช่องฉีดน้ำให้ตรงกับกระจกหน้ารถ ระบบเบรก สามารถหยุดรถได้ในระยะทางที่ปลอดภัย หากมีเสียงดังขณะเหยียบเบรก รถมีอาการปัด เหยียบแป้นเบรกไม่ลง หรือมีสัญลักษณ์ไฟระบบเบรกค้างบนหน้าปัด ควรนำรถเข้าศูนย์บริการ หรือให้ช่างตรวจสอบระบบเบรก ยางรถยนต์ มีดอกยางละเอียด หน้ายางไม่สึก มีร่องยางลึกไม่ต่ำกว่า 3 – 4 มิลลิเมตร และเติมลมยางให้มากกว่าปกติ 2 – 3 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรีดน้ำ และยึดเกาะถนน สัญญาณไฟ มีแสงไฟ ส่องสว่างทุกดวง กรณีหลอดไฟชำรุด ควรเปลี่ยนใหม่ พร้อมหมั่นทำความสะอาดโคมแก้วครอบสัญญาณไฟ เพื่อให้แสงไฟส่องสว่างอย่างชัดเจน จะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทาง ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ควรจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับใช้งานในช่วงฤดูฝน อาทิ ยางอะไหล่ สายพ่วงแบตเตอรี่ สเปรย์ไล่ความชื้น ไฟฉาย อุปกรณ์ลาก พ่วง จูง เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้นำมาใช้งานได้ทันที
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit