ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า การดำเนินการจัดสร้างอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา ใช้งบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท โดยยังไม่รวมการจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ ตลอดจนสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับตรวจรักษา จำเป็นต้องอาศัยพลังศรัทธาของประชาชน ร่วมใจบริจาคสมทบทุนสานต่อโครงการให้สำเร็จ
"จุดเด่นของโครงการ 70 ล้านคนไทยรักกัน - Thai Digital Charity Community คือการนำสื่อดิจิตอล เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการเชิญชวนคนไทยไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลกนี้ สามารถเป็นผู้ให้ได้ง่ายๆ ผ่าน Application 70millionthailand และ www.70millionthailand.org ยิ่งเล่น ยิ่งให้ ยิ่งให้ก็ยิ่งได้ ซึ่งคำว่า "ได้" ในที่นี้คือได้มีส่วนร่วมบริจาคและช่วยให้ผู้ป่วยด้อยโอกาสสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพและเท่าเทียมกัน โดยอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา นี้ เป็นอาคารหลังสุดท้ายของโรงพยาบาลศิริราชที่ได้รับพระราชทานนามจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ตามพระราชปณิธานที่ต้องการให้ประชาชนชาวไทยมีสุขภาพดีถ้วนหน้า" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
อาคารแห่งนี้ จะเปิดให้บริการในปี 2561 เป็นอาคารสูง 25 ชั้น ประกอบด้วยระบบสาธารณูปโภคครบครัน ชั้นพื้นดิน 1 ชั้น ชั้นใต้ดิน 2 ชั้น ชั้นดาดฟ้าและลานจอดเฮลิคอปเตอร์ มีพื้นที่ใช้สอย ประมาณ 70,000 ตารางเมตร เพิ่มเตียงผู้ป่วย 376 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยสามัญหรือด้อยโอกาส และยังมีศูนย์บริการทางการแพทย์เฉพาะทาง 14 ศูนย์ เมื่อแล้วเสร็จ ประเทศไทยจะมีสถานที่ให้บริการผู้ป่วยที่ทันสมัยครบวงจรทัดเทียมนานาประเทศ ทั้งยังเป็นแหล่งผลิตบุคลากรทางแพทย์ของประเทศจากรุ่นสู่รุ่น
รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า โครงการ 70 ล้านคนไทยรักกัน ถือเป็นการร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยเงินบริจาคเข้าสู่ศิริราชอย่างแท้จริงและถูกนำไปใช้อย่างครบถ้วน ซึ่งเงินไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่อยากเห็นการร่วมแสดงพลังของคนทั้งชาติ หากช่วยกันคนละเล็กละน้อย รับรองว่าอาคารแห่งนี้จะสำเร็จได้ไม่ยาก และทุกคนจะรู้สึกภูมิใจเมื่อหันกลับไปมอง เพราะไม่มีอาคารหลังใดที่จะได้รับประราชทานนามจากในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกแล้ว
ด้าน นางสาวรัญจิรา คงสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็คท์คิวบ์ จำกัด กล่าวว่า "โครงการนี้เกิดขึ้นจากสิ่งที่ใครถนัดอะไรก็สามารถนำสิ่งที่ถนัดเข้ามาช่วยเหลือกันได้ เน็คท์คิวบ์ ถนัดด้านดิจิตอล ก็ใช้จุดนี้มาทำโครงการ ซึ่งขับเคลื่อนด้วย Digital 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ โดยใช้เครื่องมือออนไลน์ทำหน้าที่เชื่อมโยงคนไทยทั่วโลกให้มีส่วนช่วยเหลือกัน โดยทางบริษัทฯ ได้จัดทำ Application ง่ายๆ เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้คนยุคปัจจุบัน สะดวกต่อการบริจาค
"เพียงแค่ดาวน์โหลด Application 70millionthailand ผ่านระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์และ iOS และเว็บไซต์ จากนั้นล็อกอินเพื่อร่วมกิจกรรม "P L A Y M O R E G I V E M O R E" ถ่ายภาพ โพสต์และแชร์ ก็เป็นการบริจาคเงินเข้าโครงการแล้ว 1 บาท สามารถเล่นสะสมได้ทุกวัน และเปิดช่องทางให้ประชาชนได้บริจาคผ่านตู้คีออส (KIOSK) ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขาทั่วประเทศ สถานที่ราชการและสนามบิน" นางสาวรัญจิรา กล่าว
ด้าน กันต์ กันตถาวร แบรนด์แอมบาสเดอร์โครงการ 70 ล้านคนไทยรักกัน กล่าวว่า ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่อยากทำเพื่อประเทศชาติไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการนี้ เนื่องจากการสร้างอาคารแห่งนี้ ไม่ใช่แค่อาคารสำหรับผู้ป่วย แต่คือสัญลักษณ์ที่แสดงว่าคนไทยเรารักกันจริง ๆ
" โครงการ 70 ล้านคนไทยรักกัน ทั้งสะดวกและง่ายต่อทุกคน ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องโอนเงินเพื่อบริจาค เพราะตอนนี้มีตู้คีออสให้บริการตามจุดต่าง ๆ ในเซ็นทรัลทั่วประเทศ หรือแม้แต่แอปพลิเคชั่นบนมือถือและเว็บไซต์ เพียงแค่ใช้นิ้วสัมผัสหน้าจอก็สามารถเป็นผู้ให้ได้แล้ว ไม่ว่าจะกี่บาทก็มีความหมายทั้งสิ้น ซึ่งไม่ได้แปลว่าบริจาค 1 ล้านบาท ถึงได้บุญเยอะ แต่มันคือการแสดงน้ำใจอย่างหนึ่งของคนไทยที่มีจุดศูนย์รวมเดียวกัน เพียงแค่หนึ่งบาทของคุณ ก็สามารถแบ่งปันให้คนอื่นที่ยากไร้ได้" กันต์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดตามโครงการดี ๆ และร่วมเป็น "ผู้ให้" เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยผ่าน Application 70millionthailand และ KIOS หรือติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวของโครงการ 70 ล้านคนไทยรักกัน ได้ทาง facebook, instagram, youtube : 70MillionThailand website : www.70MillionThailand.org