จากการสำรวจในปี 2560 โดยกรมธนารักษ์ พบว่าปัจจุบันมีเงินเหรียญอยู่ในระบบการเงินไทยเป็นจำนวนกว่า29,000 ล้านเหรียญ หรือกว่า 50,000 ล้านบาท และมีเหรียญมากกว่า 10% ที่สูญหายไปจากระบบ จากพฤติกรรมต่างๆ เช่น สะสมเหรียญไว้ที่บ้าน ไม่นิยมพกเหรียญ เป็นต้น แต่ในขณะเดียวกัน การนำเหรียญไปฝาก หรือแลกธนบัตรที่ธนาคารทำให้ลูกค้าและธนาคารนั้นๆ ต้องเสียเวลาจากการนับเหรียญจำนวนมาก อีกทั้งยังมีการคิดค่าธรรมเนียมในการนับเหรียญในอัตราตั้งแต่ 1% - 3% แตกต่างกันไปในแต่ละธนาคารอีกด้วย ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ส่งผลให้หลายๆ ประเทศมีการคิดค้นและนำเครื่องฝากเหรียญอัตโนมัติมาใช้กันแล้ว เช่น ในสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ เป็นต้น โดยเครื่องนี้จะสามารถช่วยลดปัญหาการนำเข้าโลหะจากต่างประเทศเพื่อผลิตเหรียญให้แก่กรมธนารักษ์และเพิ่มช่องทางให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
นายธนา เธียรอัจฉริยะ รักษาการ Chief Marketing Officer ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า"เราตระหนักถึงปัญหาจากเหรียญที่มีอยู่เป็นจำนวนมากที่สร้างความยุ่งยากให้ทั้งลูกค้าและธนาคารเอง เราเลยเริ่มดำเนินการพัฒนาต้นแบบเครื่องฝากเหรียญอัตโนมัติมาตั้งแต่ต้นปี 2559 โดยทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของดิจิทัล เวนเจอร์ส ร่วมกับบริษัทพันธมิตร ได้แก่ Lightfog, RTech และ Creatus ในการพัฒนาจุดเด่นของเครื่องให้สามารถตรวจนับเหรียญ รับแลกธนบัตรเป็นเหรียญได้ และยังผนวกระบบเชื่อมโยงกับบัญชีธนาคารของผู้ใช้ เพื่อการทำธุรกรรมทางการเงินและชำระเงินต่างๆ แบบอัตโนมัติ มอบความสะดวกและตอบโจทย์รูปแบบการใช้งานของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล เช่น การฝากเหรียญเข้าบัญชีธนาคาร การฝากเหรียญเข้ากับบริการ e-Wallet ต่าง ๆ เช่น Line Pay และ PayPal การเติมเงินค่าโทรศัพท์มือถือ หรือการบริจาคเงินเข้ามูลนิธิต่างๆ"
หลังจากนี้ ดิจิทัล เวนเจอร์ส จะนำข้อแนะนำ คำติชมจากผู้บริโภคมาปรับปรุง พัฒนาต้นแบบเครื่องฝากเหรียญอัตโนมัตินี้ให้เหมาะสมกับการใช้งานเชิงพาณิชย์ ก่อนจะนำเสนอต่อธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารแห่งประเทศไทยภายในปี 2560 นี้ เพื่อขออนุมัติการนำไปให้ผู้บริโภคได้ใช้จริงต่อไป
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit