นายจิณณวัตร สืบเพ็ง (หมูอ้วน) อายุ 17 ปี เรียนอยู่ที่มัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนหนองอียอวิทยา เฝ้ามองพี่เขียว (สุริยา ดวงศรี อดีตแกนนำเยาวชน ปัจจุบันพี่เลี้ยงเยาวชน) ที่ทำกิจกรรมในชุมชนร่วมกับพี่สมเกียรติ สาระ หัวหน้าสำนักงานปลัด อบต.หนองอียอ อ.สนม จ.สุรินทร์ มาโดยตลอด ทำให้เห็น "ความเท่ห์" ในตัวของพี่เขียว และคิดอยากที่เป็นผู้นำและผู้ที่ทำประโยชน์กับชุมชนแบบพี่เขาบ้างเมื่อมีเพื่อนชวนมาร่วมทำกิจกรรมกับอบต.หนองอียอ "หมูอ้วน" จึงไม่รีรอเข้ามาร่วมในทันที เมื่อร่วมกิจกรรมหลายๆ ครั้งเข้า "พี่เขียว" และ "พี่สมเกียรติ" เริ่มเห็นแวว จึงชักชวนให้มาเป็นแกนนำเยาวชนจิตอาสา ตำบลหนองอียอ เข้าร่วมกิจกรรมอบต.หนองอียอ หลายครั้ง "พี่เขียวพาทำจิตอาสาเพื่อชุมชน เวลาทำแล้วมีความสุข เพราะเห็นคนอื่นมีความสุข เราเหนื่อย แต่เราเห็นคนอื่นมีความสุข เราเลยอยากทำต่อ และอยากมีกระบวนการคิดแบบที่พี่เขียวคิด พี่เขียวคิดโครงการของเขา ผมก็นั่งมองพี่เขานะ"
เมื่อ อบต.หนองอียอ มีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมเยาวชนที่ออกเรียนกลางคั่นไม่ได้ศึกษาต่อในโรงเรียนไปเข้าค่าย "หมูอ้วน" ได้มีโอกาสไปด้วย โดยขออาสาไปด้วยในทันที ทั้งๆ ที่ไม่เข้าเกณฑ์ แต่เมื่อบอกเป้าหมายกับพี่เขียวและพี่สมเกียรติว่าอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง และอยากนำความรู้ความสามารถกลับมาทำเพื่อชุมชนพี่ๆ เห็นความตั้งใจจึงให้มาร่วมค่ายสร้างเครือขายและพัฒนาแกนนำเด็กและเยาวชนสู่ความเป็นนักถักทอชุมชนรุ่นเยาว์ (ค่าย 15 วันต่อเนื่อง) ภายใต้โครงการพัฒนาเยาวชนในชุมชนท้องถิ่น (4 ภาค) ระยะที่ 3 : การขับเคลื่อนกลไกพัฒนาเยาวชนด้วยการจัดการความรู้และกระบวนการวิจัยเพื่อท้องถิ่น สนับสนุนโดย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย สถาบันยุวโพธิชน มูลนิธิสัมมาชีพ สถาบันเสริมสร้างการเรียนรู้เพื่อชุมชนเป็นสุข (สรส.) มูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น และมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) โดยมีเพื่อนๆ 4 พื้นที่ได้แก่ อบต.หนองอียอ อ.สนม ,อบต.สลักได อ.เมือง,ทต.เมืองแก อ.ท่าตูม และทต.กันตวจระมวล อ.ปราสาท ระหว่างวันที่ 15-29 ตุลาคม 2559 ณ ศูนย์การเรียนรู้ชาวดิน ต.หว้าทอง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น "พอผมได้มาเรียนรู้ที่ค่ายผมก็เริ่มถามพี่เขียวและพี่อ้อย (วราภรณ์ หลวงมณี กระบวนกร มูลนิธิยุวโพธิชน) ศึกษาทุกอย่างที่เขาให้มา ทำให้เปลี่ยนความคิดอะไรหลายๆ อย่าง ความคิดที่เปลี่ยน เช่น ตอนแรก ผมก็คิดว่าทุกอย่างยากสำหรับผมหมดเลย แต่พอมาที่ค่ายเริ่มสอนแบบเล็กๆ ก่อน ในค่ายเขาบอกว่าให้ เปิดใจ แล้วผมก็นำที่คนอื่นแชร์เอามาพยายามทำกับตัวเอง เปิดใจรับคนอื่นเข้ามา ไม่มีใครพูดด้วย ผมพูดก่อน เกิดการเรียนรู้เพิ่มขึ้น ผมมาเพื่ออยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมเลยได้เรียนรู้เต็มที่"
"ผมชอบค่ายนี้ ที่เรียนรู้ไปด้วยสนุกไปด้วย ทำให้เราเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น พอเกิดการเรียนรู้ ผมก็จะถามกับตัวเองทุกครั้งว่าเราได้ความรู้อย่างนี้แล้วจะนำไปใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างไร ผมคิดว่าถ้าถึงจุดที่เรามาเรียนแล้วไม่ได้นำไปใช้จริง ก็เหมือนว่าเรามา 15 วันเสียแวลาปล่าๆ สิ่งที่ผมได้คือความเป็นผู้นำ ผมสามารถนำในห้องเรียนผมได้ ผมสามารถนำเพื่อนทั้งห้องไปติวและพากันไปสอบที่จ.สุรินทร์ได้ เพราะผมเปลี่ยนตัวเองเมื่อก่อนพูดอะไรผมใช้แต่อารมณ์ แต่กลับจากค่ายก็พยายามพูดดีๆ กับเพื่อนๆ ทำให้เพื่อนไปด้วยกันได้"
นอกจากจะทำให้ตนเองภาคภูมิใจในการเปลี่ยนแปลงนี้แล้ว ส่วนหนึ่งก็คือพ่อแม่ "หมูอ้วน" อยากเห็นว่าพอเจ้าตัวไปเรียนรู้แล้วกลับมาจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองไปได้มากน้อยแค่ไหน "ที่พ่อแม่อยากเห็นคืออยากเห็นผมเชื่อฟัง แต่ก่อนพูดอะไร ผมไม่ค่อยเชื่อฟัง แบบว่าต้องเดี๋ยว ๆ ก่อน บางทีก็นั่งเงียบ อยู่ที่ความคิดเราครับ แต่ก่อนคิดว่าแม่มีหน้าที่ล้างจาน ซักผ้าก็ล้างซิ ก็ทำซิ เราก็คิดว่า ไม่ใช่หน้าที่เรา เลยไม่ทำ พอกลับจากค่าย 15 วัน พ่อแม่ถามว่าได้อะไรมาผมไม่ได้บอกอะไร เพราะไม่รู้ว่าพออธิบายไปจะเกิดอะไรขึ้น ไม่เกิดประโยชน์นอกจากปฏิบัติให้พ่อแม่เห็นเท่านั้น เช่น ถ้าผมอยู่บ้านดูทีวีหรือเล่นเฟชบุ๊คอยู่ พ่อบอกให้ไปช่วยผมก็ไปทันที แม่บอกให้ไปซื้อของหรือช่วยอะไรผมก็ช่วยไม่ขัดแม่ ไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจ เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงของเรา เราเชื่อฟังพ่อแม่มากขึ้น พอเราไปค่ายที่ไหนเขาก็ไม่ห้ามก็สนับสนุน" หมูอ้วนเล่าอย่างภาคภูมิใจ
หลังจากค่าย 15 วัน "หมูอ้วน" ได้เริ่มทำกิจกรรมจิตอาสาเต็มตัว เริ่มด้วยโครงการดูแลผู้สูงอายุ ผ่านไป 5 เดือน "หมูอ้วน" เริ่มเปลี่ยนแปลงตนเอง แต่คิดว่ายังไม่ดีพอ เมื่อทางอบต.หนองอียอ ได้จัดค่าย 21 วัน ค่ายสร้างเครือข่ายและพัฒนาภาวะการนำของแกนนำเด็กและเยาวชน :สร้างไฟฝันปั้นอุดมคณะให้เบ่งบาน ระหว่างวันที่ 18 มีนาคม - 7 เมษายน 2560 ณ สถานที่เดิม ผู้จัดคนเดิม ครั้งนี้ เจ้าตัวไม่ต้องยกมือขอเข้าค่าย แต่ทางอบต.หนองอียอเป็นผู้ส่งให้เข้าค่ายอีกรอบเพื่อพัฒนาตนเองในฐานะ "พี่เลี้ยงค่าย" "ครั้งนี้มาเป็นพี่เลี้ยงค่าย ต้องมีความอดทนมาก เพราะต้องเป็นแบบอย่างให้กับน้องๆ ต้องตื่นแต่เช้าและมีความรับผิดชอบและที่สำคัญเรื่องการตรงต่อเวลาทำให้ผมได้เรื่องนี้ไปใช้กับตัวเอง"
"หมูอ้วน" ได้พัฒนาตนเองอย่างที่ได้พูดเอาไว้ และได้แสดงความสามารถให้คนในชุมชนได้เห็นด้วยการทำประโยชน์ให้กับชุมชน เช่น งานวันเด็กที่ผ่านมา กลุ่มเยาวชนฯ ได้ร่วมกันจัดงานกันเอง ทั้งกิจกรรมและเป็นวิทยากรเอง ทำให้ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ใหญ่ในชุมชน ทำให้เจ้าตัวเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจและความสุข "การทำงานให้ชุมชนอย่างน้อยคนอื่นก็มองเห็นว่าผมสามารถทำได้ ทำให้ผมภูมิใจในตัวเอง หลังเสร็จงานวันเด็กผมไปกินก๋วยเตี๋ยวในหมู่บ้าน มีป้าคนหนึ่งบอกว่าเด็กคนนี้พูดเก่งๆ ผมก็รู้สึกภูมิใจตัวเองว่าเราทำได้ ก็อยากทำต่อไปครับ"
วันนี้ "หมูอ้วน" ได้รับความไว้วางใจให้รับหน้าที่รองประธานกลุ่มเยาวชนอาสาหนองอียอ รุ่นที่ 7 อนาคตข้างหน้ายังอีกยาวไกล แต่ความฝันที่จะเป็นแบบ "พี่เขียว" ก็เริ่มทำมาได้ครึ่งทางแล้ว เส้นทางเดินสู่การเติบโตเป็น "ผู้ใหญ่" ก็มองเห็นความงดงามอยู่ร่ำไร นั่นเป็นเพราะ "หมูอ้วน" มีตัวอย่างดีๆ ให้เขาเห็นและอยากทำตาม หากในแต่ละชุมชนของประเทศไทยสามารถสร้าง "ไอดอล" ให้เด็ก เยาวชน เลียนแบบในสิ่งที่ดีได้ เชื่อมั่นได้ว่าในอนาคตเด็ก เยาวชนเหล่านี้สามารถเติบโตได้อย่างถูกที่ถูกทางแน่นอน.
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit