นายสมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส นายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ เปิดเผยว่า สมาคมได้ก่อตั้งมาครบ 5 ปี และกำลังจะก้าวสู่ปีที่ 6 โดยขณะนี้มีบริษัทสมาชิกกว่า 60 บริษัท โดยในเดือนมิถุนายนนี้ในการประชุมครั้งล่าสุด สมาคมฯได้แสดงจุดยืนชัดเจน ว่า จะยึดปฏิบัติดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ และจะให้การช่วยเหลือสนับสนุนสมาชิกพร้อมทั้งทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้สมาคมฯ ยังได้มีมติว่าจะเข้มงวดกับการรับสมาชิกใหม่ โดยมีกติกาการรับสมาชิกใหม่จะต้องมีคุณสมบัติไม่ขัดกับระเบียบของสมาคม ไม่มีประวัติเสื่อมเสีย และต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสมาคมมากกว่าครึ่งหนึ่ง
"ที่ผ่านมาก่อนจะมีสมาคม สมาชิกแต่ละรายดำเนินงานตามแบบฉบับของตนเอง ถูกบ้าง ผิดบ้าง ไม่มีความชัดเจน ไม่มีใครชี้นำว่าควรทำแบบไหนถึงถูกต้อง จึงเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นมากมาย พอมีสมาคมฯ ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจ ระยะหลังการทำธุรกิจง่ายขึ้น กฎระเบียบต่างๆ ก็ถูกต้องชัดเจน"
หลังจากที่มีการก่อตั้งสมาคมฯ แล้ว ทุกอย่างก็เริ่มเข้ากระบวนการมากขึ้น มีการประชุมหารือ และนำเสนอถึงแนวทางปฏิบัติร่วมกันก่อนที่จะออกกฏระเบียบต่างๆ และทางคณะกรรมการก็ได้มีการทำความเข้าใจกับหน่วยงานราชการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมศุลฯ, กรมสรรพสามิต, หรือกระทั้ง สมอ. (สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม) โดยเฉพาะเรื่องการชำระภาษีอย่างถูกต้อง เฉพาะอย่างยิ่งภาษีนำเข้า
นายสมศักดิ์ กล่าวถึง เรื่องสำแดงราคารถและชำระภาษีนำเข้าว่า ที่ผ่านมาสมาคมฯ ได้ประสานงานกับกรมศุลกากรมาโดยตลอด เพื่อให้ได้แนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนและนำมาถ่ายทอดให้สมาชิกถือปฏิบัติตาม ซึ่งในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาสมาชิกของสมาคมฯ ได้ยึดปฏิบัติอย่างดีส่งผลให้การทำธุรกิจราบรื่นขึ้น
"สมาชิกของสมาคมฯ มีความตั้งใจตรงกันที่ต้องการให้ธุรกิจรถยนต์นำเข้าเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ให้เกิดการจ้างงาน เกิดการแข่งขันทางด้านการตลาดรถยนต์ ให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ไม่ถูกผูกขาดทางด้านราคา และภาครัฐเองมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีต่างๆ อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยทั้งภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต ภาษีมหาดไทย และภาษีมูลค่าเพิ่ม"
สมาคมฯ ยังรณรงค์ให้สมาชิกร่วมกันต่อต้านการนำเข้ารถยนต์ที่ผิดกฎหมาย หรือรถยนต์หนีภาษี เพราะนอกจากจะลดความมั่นใจแก่ผู้บริโภค ยังก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติด้วย
นายสมศักดิ์ เสริมว่า ธุรกิจรถยนต์นำเข้าถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่ดำเนินงานโดยคนไทย ในรูปแบบบริษัท SME เป็นส่วนมาก และได้นำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศ ในแบบพาราอิมพอร์ต ซึ่งในต่างประเทศเองมีรถยนต์หลายๆ รุ่น ที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคคนไทย แต่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการไม่ได้นำเข้ามาจำหน่าย ดังนั้นการที่มีธุรกิจรถยนต์นำเข้า จึงเหมือนเป็นการเติมเต็มให้แก่ผู้บริโภค ทำให้มีทางเลือกมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แม้อยู่ในจังหวัดที่ไม่มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เพราะบริษัทรถยนต์นำเข้าจะมีความคล่องตัวสูงกว่าในด้านการให้บริการ รวมถึงยังเกิดการแข่งขันในด้านการบริการหลังการขายที่สามารถไปบริการลูกค้าได้ถึงที่ตามจังหวัดต่างๆ เกิดการพัฒนางานฝีมือสายอาชีพช่าง ที่ต้องตามให้เท่าทันเมืองนอก ดังนั้นธุรกิจนี้ จึงเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศได้ ซึ่งในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกเองก็มีธุรกิจประเภทนี้ดำเนินอยู่ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น , จีน ,ฮ่องกง , สิงค์โปร์ , มาเลเซีย , หรือกระทั้งอเมริกา เป็นต้น
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึง ความคืบหน้า การนำเสนอกรมศุลฯ ถึงแนวทางการปรับวิธีจัดเก็บภาษีนำเข้า โดยทางสมาคมฯ ได้วิงวอนให้ทางกระทรวงการคลัง พิจารณาเรื่องโครงสร้างอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ ที่ทุกวันนี้เรียกเก็บในอัตราสูงสุดที่ 328 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น ลาว , เขมร , พม่า , มาเลเซีย หรือ ฮ่องกง และโครงสร้างนี้ก็ใช้มามากกว่า 25 ปีแล้ว ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทางสมาคมจึงขอเสนอแนวทางการคำนวณภาษีใหม่ โดยลดอัตราภาษีลงแต่เม็ดเงินภาษีที่เข้ารัฐยังเท่าเดิมหรือมากกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งจะได้นำเสนอกรมศุลฯ ผ่านไปยังกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณา สมาคมขอวิงวอนเรื่องนี้ก็เพื่อให้ธุรกิจนี้เกิดการแข่งขันในตลาดรถยนต์ได้มากขึ้น และสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ทั้งนี้ทางสมาคมยังขอให้ทางผู้บริโภคมีความมั่นใจในธุรกิจรถยนต์นำเข้าต่อไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการนำเข้ารถยนต์อย่างถูกต้อง การชำระภาษี การจดทะเบียน หรือกระทั้งการบริการหลังการขายที่ดี โดยเฉพาะกับบริษัทสมาชิกของสมาคม
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit