ศูนย์กลางตลาดดอกไม้ปากคลองตลาดใหม่ หรือ "Flower Market Thailand" เปิดตัวเป็นทางการ ในวันที่ 5 มิถุนายน 2560 อย่างยิ่งใหญ่ กลายเป็นแหล่งค้าปลีก-ค้าส่งดอกไม้ขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดของไทย ทดแทน "ปากคลองตลาดเดิม" นอกจากจะเป็นหนึ่งในโมเดลการร่วมหาทางออก แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ค้า ที่ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบพื้นที่ทางเท้าของกรุงเทพมหานครแล้ว ยังเป็นแลนด์มาร์กการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้มาเยี่ยมชมความสวยงามของตลาดดอกไม้แห่งนี้ ควบคู่กับการท่องเที่ยวตลาดน้ำบริเวณใกล้เคียง
นางสาวใหม่ ติโลกะวิชัย กรรมการผู้จัดการ ศูนย์กลางตลาดดอกไม้ปากคลองตลาดใหม่ เปิดเผยว่า ศูนย์กลางตลาดดอกไม้ปากคลองตลาดใหม่ มีจุดเด่น คือ การเป็นศูนย์รวมดอกไม้ค้าปลีก-ค้าส่ง ทั้งไทยและต่างประเทศ รวมไปถึงร้านจัดช่อดอกไม้ มาลัย และการแปรรูปดอกไม้ ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงบนพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุด 50 ไร่ มีพื้นที่ให้เช่าจำนวนมากถึง 3,000 แผงค้า ปัจจุบันได้เปิดให้เช่าแล้วจำนวน 1,500 แผงค้าในระยะแรก และกำลังขยายเฟส 2-3 ในเร็วๆนี้ โดยเฟส2 กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ไม่เพียงเท่านั้น ทางศูนย์ยังมีพื้นที่บริการจอดรถฟรีที่สามารถรองรับรถได้มากถึง 2,000 คัน มีห้องน้ำสะอาดจำนวนมาก และมีศูนย์อาหารราคาย่อมเยาสำหรับผู้เข้ามาใช้บริการ โดยมีทีมงานบริหารจัดการตลาดอย่างมืออาชีพ
"ตลาดแห่งนี้เป็นการผสมผสานความทันสมัยความสะดวกสบาย กับ มนต์เสน่ห์ของปากคลองตลาด ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นตลาดแห่งวัฒนธรรมอันดับ 4 ของโลกเข้าด้วยกัน มีการจัดแบ่งพื้นที่สำหรับการจำหน่ายดอกไม้ชนิดต่างๆ อย่างเป็นหมวดหมู่ เพื่อให้เป็นระเบียบ และง่ายต่อการเลือกซื้อ นอกจากนี้ยังมีโซนพื้นที่ติดแอร์หรือห้องเย็นสำหรับดอกไม้เมืองเหนือและดอกไม้จากต่างประเทศด้วย"
นางสาวใหม่กล่าวต่อว่า ศูนย์กลางตลาดดอกไม้ปากคลองตลาดใหม่ ยังมีจุดเด่น ในด้านของทำเลที่ตั้ง ที่เดินทางสะดวกห่างจากปากคลองตลาดเดิมไม่ถึง 7 กิโลเมตร โดยพื้นที่ตั้งอยู่บน ถนนพระเทพฯ ซึ่งเป็นทางหลวงท้องถิ่น ตัดกับถนนราชพฤกษ์ ที่สามารถเชื่อมต่อกับ ถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนกาญจนาภิเษก ถนนพุทธมณฑลสาย 4 และอยู่ใกล้ทางด่วนศรีรัช ซึ่งสะดวกรวดเร็วต่อการขนส่งดอกไม้ที่ต้องการความสด
เพราะที่ตั้งเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางทั้งจากภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ได้อย่างรวดเร็ว และยังอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าเพียง 5 นาที รวมไปถึงมีรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)ผ่าน 3 สาย และยังสะดวกสำหรับเกษตรกรชาวสวนดอกไม้ในท้องที่จังหวัดต่างๆที่อยู่รอบๆกรุงเทพฯด้วยนอกจากนี้จุดเด่นที่สำคัญของตลาดแห่งนี้คือ การกำหนดราคาค่าเช่าแผงในราคาถูก โดยคิดค่าเช่าต่อแผงขั้นต่ำเพียงวันละ 100 บาท โดยไม่มีค่าแรกเข้าหรือค่าธรรมเนียมใดๆเพิ่มทั้งสิ้น เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ค้าได้มีแผงขายดอกไม้ของตัวเองได้ง่าย
เพราะจุดเริ่มต้นของตลาดแห่งนี้ เป็นการร่วมมือกันระหว่างเราซึ่งเป็นภาคเอกชน กรุงเทพมหานคร และกลุ่มผู้ค้าปากคลองตลาดเดิมที่รวมตัวกัน ต้องการให้มีการสร้างศูนย์กลางตลาดดอกไม้แห่งใหม่ที่มีขนาดใหญ่เพื่อรองรับผู้ค้าปากคลองตลาดเดิมและตลาดแห่งนี้ ยังเปิดรับเกษตรกรชาวสวนดอกไม้ ที่ต้องการมีหน้าร้านเป็นของตัวเองได้เข้ามาเช่าแผงค้าดอกไม้ได้ด้วยถือเป็นการเปิดโอกาสและเพิ่มช่องทางในการกระจายผลิตผลของเกษตรกร ในการขายสินค้าให้ผู้บริโภคได้โดยตรง
"เราคิดค่าเช่าสำหรับแผงที่ถูกที่สุดเพียงแค่วันละ 100 บาทต่อแผง ซึ่งเป็นค่าเช่าที่ตั้งมาโดยคำนึงถึงผู้ค้า และไม่มีค่าแรกเข้าใดๆทั้งสิ้น ทำให้ได้รับการตอบรับจากพ่อค้าแม่ค้าดอกไม้ รวมทั้งชาวสวนดอกไม้จำนวนมาก ซึ่งนอกจากแม่ค้าปากคลองตลาดเดิมแล้วยังมีแม่ค้าจากตลาดอื่นๆมาเช่าแผงขายส่งดอกไม้ด้วย"
นางสาวใหม่กล่าวด้วยว่า พร้อมผลักดันให้ ศูนย์กลางตลาดดอกไม้ปากคลองตลาดใหม่ เป็นแหล่งรวมค้าส่งค้าปลีกดอกไม้ทุกชนิด ทั้งไทยและต่างประเทศที่ใหญ่ติดอันดับเอเชียและอันดับโลก เพราะในแต่ละปีมูลค่าการค้าขายดอกไม้ภายในประเทศ รวมทั้งการนำเข้าและส่งออกมีมูลค่านับหมื่นล้านบาทและด้วยความสวยงามของดอกไม้หลากหลายชนิดและสายพันธุ์ที่มาอยู่รวมกันจะทำให้ "Flower Market Thailand" แห่งนี้กลายเป็นแลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร ที่ทั้งคนไทยและต่างชาติต้องแวะมาเยี่ยมชม ซึ่งมีโอกาสที่จะพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของโลกที่นักท่องเที่ยวจะต้องตามมาปักหมุดตามปากคลองตลาดเดิมได้ไม่ยาก
เพราะนอกจากจะเห็นความสวยงามของตลาดดอกไม้ตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ในบริเวณใกล้เคียงโดยรอบของตลาดมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ทั้งตลาดน้ำวัดสะพานที่อยู่ติดกับพื้นที่ รวมไปถึงใกล้ตลาดน้ำตลิ่งชัน และ คลองลัดมะยม สามารถนั่งเรือไปท่องเที่ยวได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ศูนย์กลางตลาดดอกไม้ปากคลองตลาดใหม่ ในเฟสแรกได้ใช้เงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท ปัจจุบันมีอัตราการเช่ามากกว่า 90 เปอร์เซนต์ของพื้นที่ทั้งหมดในเฟสแรก 1500 แผงค้า และยังคงเปิดรับแม่ค้าดอกไม้ทั้งค้าส่งค้าปลีก ซึ่งทยอยมาเช่าแผงอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายทุกวัน ทำให้ขณะนี้ต้องเร่งก่อสร้างเฟส 2 เพื่อรองรับแม่ค้าที่เข้ามาและจะพัฒนาให้เป็นตลาดค้าปลีกค้าส่งผักและผลไม้ด้วย
"เรามีประสบการณ์ด้านการดำเนินกิจการตลาดศรีนคร ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครสวรรค์และภาคเหนือตอนล่างอยู่แล้ว ทำให้มีความเข้าใจถึงความต้องการของพ่อค้าแม่ค้าเป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะนำมาบริหารและพัฒนาศูนย์กลางตลาดดอกไม้ปากคลองตลาดใหม่แห่งนี้ให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit