นายวีระพงษ์ วงศ์แหวน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(สร.ขสมก.) เปิดเผยว่า ความคิดแบบนี้มันตรงข้ามกับความต้องการของประชาชนแถมยังทำร้ายความรู้สึกของพนักงาน ขสมก. กว่า 8,000 ชีวิต ที่ต้องอดเสี่ยงภัยขับรถเมล์ที่เก่ามีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปีแต่ละคันสภาพถึงขั้นต้องปลดระวางแล้วไม่สมควรที่จะเอามาใช้งานให้บริการประชาชน
คำสั่งศาลระบุชัดๆ ว่า "เมื่อตรวจรับมอบรถแล้วให้ ขสมก. ต้องปฏิบัติตามสัญญาต่อไป" แต่ท่านรักษาการ ขสมก.ยังถือธงที่จะยกเลิกสัญญาเหมือนไม่สนใจความเดือนร้อนของพวกเราชาว ขสมก. ไม่สนใจความปลอดภัยในชีวิตพนักงานและประชาชนผู้ใช้บริการ ไม่สนใจที่จะเดินหน้าตามแผนพัฒนา ขสมก. ที่อุตส่าห์วางไว้"
ประธานสหภาพฯ กล่าวต่ออีกว่า ตนอยากถามถึงเหตุผลว่าทำไมท่านรักษาการถึงตั้งใจที่จะอุทธรณ์ เท่าที่ตนเคยทราบเหตุผลของการที่จะอุทธรณ์ คือ ขสมก. ได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากคำสั่งศาล ในคำสั่งไม่ต้องให้ผมพิจารณาคนเดียวก็ได้ แม้แต่ประชาชนที่ใช้รถเมล์ไม่เห็นว่า ขสมก.จะเสียหายหรือเสียประโยชน์ตรงไหน ในทางตรงข้าม ขสมก.จะได้รับประโยชน์ในทุกๆ ด้านด้วยซ้ำไป ขอเรียนถึง ท่านรักษาการณ์และบอร์ดผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่าน ถึงเวลาแล้วที่ท่านต้องใช้ความรู้ความสามารถในการพัฒนาและเดินตามแผนที่วางไว้ให้ชัดเจน อย่าไปสนใจข่าวลือที่ลือกันว่า มีผู้มีอำนาจนอกองค์การ ขสมก.ต้องการให้ยกเลิกสัญญาถ้าไม่ทำตามจะถูกสั่งย้ายทั้งบอร์ด ผมถือว่าเป็นเรื่องปัญญาอ่อนอย่างมาก เหตุผลที่ ผอ.สุระชัย ถูกย้ายนั้นเป็นเพราะพวกท่านคณะกรรมการฯ (บอร์ด) ทั้งหลายกลัวไม่กล้าตัดสินใจอะไรเลยปล่อยให้เรื่องคาราคาซังมา 4-5 เดือน พวกท่านมัวแต่เช็คข่าวภายในว่า ท่านนายกฯ อยากจะรับรถหรืออยากให้ยกเลิกสัญญากันแน่แบบนี้มันหมายถึงพวกท่านทั้งหลายเป็นห่วงแต่อำนาจวาสนาห่วงเก้าอี้ของท่าน ท่านไม่ห่วงการให้บริการที่ดีแก่ประชาชน ผมว่าท่านไม่ต้องรอให้นายกฯ ใช้ ม.44 สั่งย้ายพวกท่าน ท่านควรพิจารณาตัวเองกลับบ้านเลี้ยงหลานดีกว่า
และการที่รักษาการ ผอ.ขสมก.อ้างถึงสาเหตุที่ศาลปกครองมีคำสั่งให้ ขสมก.ตรวจรับรถแต่ท่านกลับไปกล่าวหาว่า เป็นเพราะ "ผู้บริหาร ขสมก.ซึ่งรวมถึงอดีตผู้อำนวยการ ขสมก.ที่ได้เข้าชี้แจงต่อศาลก่อนหน้านั้น ไม่ได้ชี้ให้ศาลเห็นว่า แหล่งที่มาคือสาระสำคัญ ตนคิดว่าถ้าผู้นำองค์กรมีวิสัยทัศน์และทัศนคติดูถูกศาล ดูถูกคนอื่นเช่นนี้ เป็นผู้บริหารไม่ได้หรอกครับ เหมือนท่านมีอคติกับผู้อำนวยการคนก่อน ตนขอเรียนยืนยันตรงนี้เลยว่า วันที่ผู้บริหาร ขสมก.เข้าไปให้ปากคำต่อศาลปกครองในชั้นไต่สวนนั้น ท่าน ผอ.สุระชัย ไม่ได้ไปคนเดียว แต่ท่านสั่งให้ ฝ่ายกฎหมาย,รองผู้อำนวยการ ขสมก.,ประธานฯ ร่างทีโออาร์, ประธานฯ ร่างสัญญา, ประธานฯ ตรวจรับรถเอ็นจีวีรวมทั้งพนักงานที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 10 คนพร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าให้ปากคำได้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว การที่ท่านรักษาการณ์ออกมาให้ข่าวเพียงฝ่ายเดียวโดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสตอบโต้เช่นนี้ มันไม่แฟร์ ตนคิดว่าไม่ใช่วิสัยน์ที่ชนชั้นผู้นำระดับผู้บริหารจะกระทำกัน
นายวีระพงษ์ กล่าวต่อไปว่า เมื่อความหวังดีจากศาลฯ ถูกมองเป็นเรื่องที่จะต้องอุทธรณ์ฟ้องร้องต่อสู้ให้ตายกันไปข้าง จนไม่คำนึงถึงภาระหน้าที่หลักของ ขสมก.คือการให้บริการสาธารณชนแบบนี้แล้ว ตนจะรอดูข้อสรุปของคณะกรรมการฯ ขสมก.(บอร์ด) ที่จะมีการประชุมขึ้นในวันที่ 11 เมษายน นี้ว่าออกมาอย่างไร ถ้ามีมติว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ยังคงมีความคิดที่จะเตะถ่วงเวลากันออกไปอีก ในวันที่ 12 เมษายน สหภาพฯ จะได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารสหภาพฯ ทั้ง 8 เขตประมาณ 300-400 คน ณ ที่ทำการสหภาพฯ คลองเตย เพื่อกำหนดมาตรการขับเคลื่อนต่อไป ตนจึงถือโอกาสนี้เชิญพี่น้องสื่อมวลชน ร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit