นายจรัส ไชยยา นายกเทศมนตรีเมืองเมืองแกนพัฒนา อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า "ชุมชนหนองออนรวมใจ เป็นชุมชนที่มีการจักรยานในชีวิตประจำวันอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูง อายุเพราะมีความปลอดภัย และทำให้สุขภาพให้แข็งแรง พอมีโครงการชุมชนจักรยานเพื่อสุขภาวะเกิดขึ้น จึงได้สร้างกระแสกระตุ้นวิถีดั้งเดิมของชาวบ้านให้หันมาใช้จักรยานมากขึ้น โดยใช้กลยุทธ์รณรงค์ให้กลุ่มคนที่ไม่ได้ใช้จักรยาน เช่น กลุ่มวัยรุ่น คนวัยทำงาน ได้เปลี่ยนพฤติกรรมหันมาใช้จักรยานภายในชุมชนมากขึ้น นอกจากนี้ทางชุมชนฯ ก็ได้รับเลือกให้เป็นชุมชนนำร่องของเขตเทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา เป็นต้นแบบขยายผลสู่ชุมชนอื่นอีกกว่า 20 ชุมชนในพื้นที่ ให้ได้มาเข้าร่วมเป็นเครือข่ายชุมชนจักรยาน ซึ่งทางผู้บริหารฯ มีได้นโยบายพัฒนาให้เป็นเมืองนำร่องการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน และผลักดันให้โรงเรียนในพื้นที่เป็นโรงเรียนจักรยาน โดยได้มีการบรรจุแผนส่งเสริมและการจัด ทำเมืองที่เอื้อต่อการใช้จักรยานในแผนพัฒนาของเทศบาลฯ โดยใช้งบประมาณประจำ และมีการประสานของบประมาณอื่นๆ มาจากภายนอก เพื่อส่งเสริมการใช้จักรยานของคนในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
มาที่ น.ส.เยาวเรส กิติลังการ์ ผู้อำนวยการกองการศึกษา เทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา ได้บอกว่า "กลุ่มของผู้สูงอายุมีการใช้จักรยานในการเดินทางอยู่แล้ว ดังนั้นการกระตุ้นให้คนกลุ่มอื่นๆ ให้เกิดความสนใจและต้องการใช้จักรยานเพิ่มขึ้นนั้น จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์การทำงานที่หลากหลาย ที่สำคัญคือในทุกวันพุธและวันอาทิตย์ ชาวบ้านได้มีการประกาศให้เป็นวันจักรยาน คือจะต้องลดการใช้ยานยนต์และหันมาใช้จักรยานให้มากที่สุด, ในวันพุธก็จะมีการปั่นจักรยานมาทำงาน ทั้งจากพนักงานเทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา และโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่เทศบาล รวมเป็นจำนวนกว่า 200 คน ภายใต้การนำของนายกเทศมนตรี ซึ่งเป็นแกนนำที่สำคัญในการใช้จักรยาน ซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้จักรยานในการเดินทางมาทำงานแทบทุกวัน ถือว่าเป็นผู้นำท้องถิ่นที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องชุมชนจักรยาน จนกลายเป็นตัวอย่างในการใช้จักรยานในชีวิตประจำวันของชาวบ้าน จนตระหนักได้ว่าการใช้จักรยานในชีวิตประจำวันนั้นก็สามารถทำได้จริง นอกจากนี้ทางเทศบาลฯ ยังมีนโยบายผลักดันให้เกิดโรงเรียนจักรยาน โดยได้ไปประสานงานกับโรงเรียนในพื้นที่ เข้าไปพูดคุยกับผู้อำนวยการของโรงเรียนต่างๆ เพื่อให้เข้ามาเป็นภาคีเครือข่าย และต่อเนื่องไปยังครูให้เป็นตัวแทน เพื่อชักชวนเด็กนักเรียนให้ใช้จักรยานในการเดินทางมาโรงเรียนเพิ่มขึ้น ซึ่งมีการอำนวยความสะดวกให้กับนักเรียน และพนักงานในระดับต่างๆ สามารถใช้จักรยานเดินทางมาโรงเรียนได้อย่างสะดวกสบาย และอีกโครงการที่สำคัญก็คือ การจัดหารถจักรยานราคาถูกมาให้บริการกับประชาชน มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อให้ทุกคนในชุมชนได้มีจักรยานราคาถูก มีการจัดหาจักรยานมือสองมาให้บริการ โดยได้นำเอาไปซ่อมบำรุงให้ใช้งานได้ดี มาแจกจ่ายให้กับชาวบ้านที่สั่งจองเอาไว้ โดยปัจจุบันได้มีการส่งมอบจักรยานให้กับชาวบ้านไปแล้ว กว่า 140 คัน"
ทางด้าน นายนรินทร์ หลวงปา รองปลัดเทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา หนึ่งในภาคีเครือข่ายของโครงการฯ กล่าวว่า "คณะกรรมการดำเนินงานโครงการชุมชนจักรยานเพื่อสุขภาวะปี 2 ในพื้นที่เทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา ต่างก็ล้วนแต่มีศักยภาพในการดำเนินงาน สามารถเชื่อมประสานงานให้ทุกกลุ่มในชุมชนได้เข้าได้เข้ามาร่วมเป็นอย่างดี โดยมีแกนนำในการขับเคลื่อนกว่า 50 คน เชื่อมโยงการทำงานเป็นเครือข่าย นอกจากนี้ยังมีภาคีขับเคลื่อนที่หลากหลาย ทั้งผู้นำชุมชน กลุ่มอาสาสมัครสุขภาพ (อสม.) กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มเยาวชน และส่วนราชการในพื้นที่ เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล, เทศบาล โรงเรียน ฯลฯ มีการประสานไปยังองค์กรชุมชนภาคีของภาครัฐ ท้องถิ่นในระดับพื้นที่ มีการประสานงานจัดทำแผนพัฒนาภาคประชาชน และของเทศบาลฯ มีการบูรณาการทางด้านงบประมาณทั้งจากงบประมาณประจำและภายนอก เพื่อนำมาใช้ในการขับเคลื่อนโครงการฯ ให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม โดยล่าสุดทางคณะกรรมการดำเนินงานโครงการชุมชนจักรยานเพื่อสุขภาวะ ได้มีการวางแผนจัดทำ MOU ร่วมกับส่วนราชการทั้งหมดในพื้นที่ ประกอบด้วยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 2 แห่ง, สำนักงานเทศบาล, โรงเรียน 5 แห่ง เพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจในเรื่องแนวทางปฏิบัติการต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็นเมืองจักรยานอย่างแท้จริง
เมื่อผู้บริหารของเทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา ได้มีนโยบายชัดเจนที่จะพัฒนาชุมชนให้กลายเป็นเมืองจักรยาน ประชาชนในพื้นที่ก็เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว ทั้งยังมีส่วนร่วมในการคิดตัดสินใจ และร่วมมือกันทำงาน จึงทำให้ โครงการชุมชนจักรยานเพื่อสุขภาวะ ของเทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ได้เดินหน้าผ่านการพึ่งพาตนเองสู่ความยั่งยืนในอนาคต ดังที่พวกเราทุกคนได้เห็นกันอย่างในทุกวันนี้ โดยผู้ที่สนใจเรื่องโครงการชุมชนจักรยานเพื่อสุขภาวะ จะสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-6184434 และ 02-6185990 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit