อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า เด็กออทิสติกมีความผิดปกติของพัฒนาการทางสมองที่ล่าช้า 3 ด้าน คือ ด้านสังคม ภาษา และ พฤติกรรม ผู้ปกครองสามารถสังเกตพบอาการออทิสติกได้ก่อนที่เด็กจะมีอายุ 3 ปี สัญญาณเตือนได้แก่ "ไม่สบตา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว ไม่ชอบเปลี่ยนแปลง" กล่าวคือ ด้านสังคม เด็กจะไม่ยอมสบตา ไม่ชอบมองหน้าคนอื่น ไม่สนใจมองตามเมื่อเราเรียกชื่อ ไม่สนใจผู้อื่น ด้านภาษา เช่น เริ่มพูดได้ช้ากว่าเด็กปกติ หรือพูดได้แต่ไม่เป็นภาษา ฟังไม่รู้เรื่อง ชอบพูดคำเดิมๆ ซ้ำๆ ทั้งวัน ไม่ชี้นิ้วสั่งหรือบอกเมื่อต้องการของที่อยากได้ และ ด้านพฤติกรรม เช่น ชอบอยู่ในโลกส่วนตัว มีพฤติกรรมซ้ำๆ ที่ไม่เหมาะสม ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ชอบมองวัตถุที่หมุนตลอดเวลา เช่น พัดลมหรือของเล่นที่หมุนๆ เป็นต้น ออทิสติกเป็นโรคที่มีความหลากหลายทางอาการมาก เด็กบางคนดูก็รู้ว่าเป็น แต่บางคนดูไม่ค่อยชัด หลายครั้งก็ไม่สามารถวินิจฉัยได้แน่นอนในการพบครั้งแรก ต้องอาศัยการเฝ้าติดตามอาการและพฤติกรรมหลายๆ ครั้งเพื่อให้แน่ใจ และหาข้อมูลจากหลายที่ เช่น โรงเรียน ศูนย์เด็กเล็กที่เด็กเข้าไปเรียน เส้นแบ่งระหว่างความเป็นโรคกับความผิดปกติเป็นเส้นบางๆ ต้องอาศัยการเรียนรู้จากประสบการณ์ ยิ่งเห็นมากจะยิ่งเข้าใจโรคมากขึ้น
โรคนี้สามารถรักษาได้ พามาตรวจเร็ว ผลการรักษาก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ เนื่องจากสมองของเด็กในช่วงอายุน้อยกว่า 5 ขวบจะมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ถ้ารีบแก้ไข จะทำให้เด็กมีโอกาสพัฒนาได้อย่างดี หากตรวจพบตั้งแต่ช่วง 2 ขวบปีแรก จะทำให้ผลการรักษาดีมาก แม้ไม่หายขาดแต่เด็กจะมีพัฒนาการด้านต่างๆ ดีขึ้น ช่วยเหลือตนเองได้ เข้าโรงเรียนได้ตามวัย ตลอดจน การเปิดใจยอมรับของครอบครัวที่ไม่มองเด็กออทิสติกว่าเป็นส่วนเกินของครอบครัว และสังคม พร้อมจะทุ่มเท และสู้ไปด้วยกัน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้เด็กออทิสติกมีโอกาสในการรักษา และสร้างพื้นที่ในสังคมเพิ่มขึ้น การเข้าใจและให้โอกาสกับกลุ่มคนพิเศษเหล่านี้ ย่อมช่วยให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้ตามศักยภาพอย่างมีความสุข เด็กออทิสติกหลายคนสามารถพัฒนาได้จากไม่พูดหรือพูดภาษาที่คนอื่นฟังไม่เข้าใจ จนสามารถสื่อสารได้ดี ปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดี ไม่มีพฤติกรรมซ้ำๆ เด็กออทิสติกหลายคนสามารถเรียนจบปริญญาและประกอบอาชีพได้เหมือนคนปกติทั่วไป พ่อแม่ผู้ปกครอง แพทย์ ครู รวมทั้งพวกเราทุกคนในสังคม จึงมีส่วนช่วยอย่างมากในการที่จะช่วยชูพลังใจ เติมความสดใส เพิ่มความหวังให้กับพวกเขาได้ ทั้งนี้ สามารถขอคำปรึกษาได้ที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอดจนรับการคัดกรองได้ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit