Colman O'Criodain ผู้จัดการด้านนโยบายการค้าสัตว์ป่า ประจำองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลก (WWF) กล่าวว่า "การสั่งห้ามการค้างาช้างในประเทศจีน ถือเป็นชัยชนะและเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของชะตาชีวิตช้างแอฟริกา เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลประเทศจีน เริ่มใช้มาตรการสั่งห้ามค้างาช้างขั้นแรกอย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ การปิดตลาดค้างาช้างในประเทศจีนให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยเราคาดหวังจะเห็นแนวโน้มจำนวนการค้างาช้างที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้เราก็อยากเรียกร้องไปยังรัฐบาลของทุกประเทศที่มีตลาดค้างาช้าง ให้หันมาใช้มาตรการเดียวกันกับรัฐบาลจีน เพื่อป้องกันไม่ให้งาช้างถูกส่งไปขายยังตลาดประเทศอื่นๆ แทนประเทศจีน"
ทั้งนี้ ประเทศจีนถือเป็นตลาดการค้างาช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก คาดการณ์ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ มีช้างที่ถูกฆ่าเอางาเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดงาช้างผิดกฎหมายมากกว่า 22,000 ตัวต่อปี ขณะที่องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลประเมินว่า มีช้างป่าเหลืออยู่ในโลกนี้เพียงแค่ 415,000 ตัวเท่านั้น
"มาตรการทางกฎหมายถือเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะทำให้เรามั่นใจว่าการดำเนินการต่างๆ เพื่อปิดตลาดค้างาช้างจะประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งเป้าไว้ รวมไปถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการช่วยกันตรวจสอบและแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ หากพบเห็นการค้างาช้างผิดกฎหมาย ซึ่งรวมไปถึงบนพื้นที่ออนไลน์ด้วยเช่นกัน โดยที่ผ่านมาทาง WWF และองค์กร TRAFFIC ได้ร่วมมือกันทำงานเพื่อหยุดยั้งการลักลอบฆ่าช้าง การเปลี่ยนทัศนคติของผู้บริโภคที่นิยมซื้อสินค้าจากสัตว์ป่า รวมไปถึงติดตามเส้นทางการค้างาช้างผิดกฎหมายอีกด้วย" ผู้จัดการด้านนโยบายการค้าสัตว์ป่า ประจำ WWFกล่าวเพิ่มเติม
ความเคลื่อนไหวเพื่อปิดตลาดการค้างาช้างภายในของรัฐบาลจีน เป็นไปตามแถลงการณ์ของสำนักงานกิจการป่าไม้แห่งรัฐ เมื่อช่วงสิ้นปี 2559 ว่ารัฐบาลจีนมีแผนบังคับห้ามการจำหน่ายและผลิตสินค้าจากงาช้างเพื่อการพาณิชย์อย่างเด็ดขาดภายในสิ้นปี 2560
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit