ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนเงินกู้แก่สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ในการพัฒนาแหล่งน้ำในแปลงไร่นาของตนอย่างเป็นระบบ ลดความเสี่ยงจากการใช้น้ำในเขตชลประทาน และแหล่งน้ำจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียว รวมถึงการจัดแปลงที่ดิน การวางระบบน้ำในไร่นาเพื่อทำการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และประมงตามระบบการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ของกรมส่งเสริมสหกรณ์
และจากการตรวจเยี่ยมพบว่า สมาชิกนำเงินที่ได้รับมาซื้ออุปกรณ์ในการวางระบบน้ำ เช่น ปั๊มน้ำ ท่อและ สายส่งน้ำ เพื่อวางระบบน้ำในสวนมะนาว พื้นที่ 2 ไร่ เป็นมะนาวพันธุ์แป้นรำไพ ปลูกถั่วฝักยาวพื้นที่ 2 ไร่ เป็นพันธุ์สายทิพย์ นอกจากนี้เกษตรกรยังปลูกอ้อยในพื้นที่ 23 ไร่ และขุดสระน้ำในพื้นที่ 2 งาน เพื่อเลี้ยงปลาสลิด 3,000 ตัว และเก็บน้ำต้นทุนสำหรับแปลงปลูกพืช
เมื่อทำระบบน้ำตามโครงการแล้วเสร็จสามารถส่งระบบน้ำเข้าสู่แปลงปลูกได้อย่างต่อเนื่องตามความต้องการของพืชเป็นผลให้พืชที่ปลูกได้รับผลผลิตเป็นที่น่าพอใจยิ่ง โดยถั่วฝักยาว 2 ไร่ มีผลผลิตประมาณ 1,700 กิโลกรัม ต่อ 1 รอบการเก็บ สามารถขายได้ในราคากิโลกรัมละ 8 บาท เนื่องจากผลผลิตสมบูรณ์ มีรายได้ต่อปีประมาณ 13,600 บาท ขณะที่ก่อนเข้าโครงการฯ มีผลผลิตเพียง 1,500 กิโลกรัม
จะเห็นได้ว่าภายหลังจากที่เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์เข้าร่วมโครงการ ฯ สามารถเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น เนื่องจากมีแหล่งน้ำต้นทุน และการวางระบบน้ำที่ดีขึ้นมีสายส่งและท่อน้ำทำให้พืชผักได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพอมีการเปิดและปิดน้ำเป็นเวลาเป็นการประหยัดน้ำได้มากกว่าที่ผ่านมา และเพียงพอต่อความต้องการใช้ทำให้มีเงินเหลือเก็บสามารถมา ซื้อพันธุ์ปลาสลิด จำนวน 3,000 ตัว เลี้ยงในสระเพื่อเพิ่มรายได้อีกด้วย นับเป็นการลงทุนแบบขยายผล ที่ไม่ต้องเพิ่มหนี้ในทุนเพิ่มเติม
ทั้งนี้เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า "น้ำ" เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของการผลิตทางเกษตรกรรม ที่จะสร้างโอกาสในการผลิตของเกษตรกร พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้แนวคิดในการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรในระดับ ไร่นาแบบใหม่ คือเน้นให้เกษตรกรแต่ละรายมีการพัฒนาพื้นที่ของตนเองให้มีระบบสำรองน้ำเพื่อการเกษตรไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน โดยขุดสระกักเก็บน้ำไว้ใช้ในไร่นา หรือขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลไว้ใช้ทดแทนน้ำชลประทานในบางช่วงที่เกิดการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งจะเกิดระบบชลประทานในระบบไร่นาในลักษณะของสระเก็บกักน้ำฝนระบบย่อย ๆ อย่างพอเพียง ในแต่ละฟาร์มของเกษตรกร
เพื่อสนองต่อนโยบายของรัฐบาล กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงจัดทำโครงการสนับสนุนเงินทุนเพื่อสร้างระบบน้ำในไร่นาของสมาชิกสหกรณ์และสถาบันเกษตรกรขึ้น โดยให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เป็นแหล่งเงินทุน เพื่อนำไปสนับสนุนเงินกู้แก่สมาชิกในการใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการลงทุนพัฒนาแหล่งน้ำในแปลงไร่นาของตนเองอย่างเป็นระบบ
ผลการอนุมัติเงินกู้ยืมตามโครงการ ณ เดือนมีนาคม 2560 พบว่ามีสถาบันเกษตรกรได้รับอนุมัติเงินกู้ยืมแล้ว 224 แห่ง แยกเป็นสหกรณ์ 150 แห่งและกลุ่มเกษตรกร 74 แห่ง สมาชิกจำนวน 3,398 ราย จำนวนเงินกู้ที่ได้รับการอนุมัติ จำนวน 161.86 ล้านบาท สมาชิกสามารถนำน้ำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ไร่นาของตนเองได้ประมาณ 34,000 ไร่
โครงการดังกล่าวดำเนินการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ถึงปี พ.ศ. 2564 รวมระยะเวลา 5 ปี โดยได้รับอนุมัติจัดสรรเงิน จากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ในวงเงิน 300 ล้านบาท ปลอดดอกเบี้ย ระยะเวลา 5 ปี และชำระคืนเงินทุนปีละ 60 ล้านบาท
ซึ่งโครงการนี้จะเอื้อประโยชน์ต่อสมาชิกกลุ่มเป้าหมาย ในการลดความเสี่ยงจากความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ในกรณีการขาดแคลนน้ำใช้เพื่อการเกษตร หรือมีระบบน้ำใช้เพื่อเกษตรกรรม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ขณะที่เงินทุนที่ใช้มาหมุนเวียนในโครงการฯ นั้นก็ได้รับกลับคืนเข้าสู่ระบบเช่นดังเดิม และจากการลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานในโครงการของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพิจิตรดังที่กล่าวมาข้างต้น นับเป็นบทพิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรมว่า โครงการ ฯ นี้ปรากฎผลของความเป็นจริงตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ทุกประการ และเป็นการลงทุนที่ก่อเกิดผลได้ต่อประเทศชาติโดยภาครวมอย่างแท้จริง
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit