นายอารักษ์ พรหมณี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวในพิธีเปิดงานสัปดาห์ความปลอดภัยและอาชีวอนามัยนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ครั้งที่ 1 ว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงานโดย สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) และนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร โดยบริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 – 27 เมษายน 2560 ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี
"การจัดงานในครั้งนี้ นับว่าเป็นการจัดงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเป็นนิคมอุตสาหกรรมเป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยได้รับการร่วมมือจากหลายหน่วยงาน อาทิ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กองทัพเรือ ชมรมความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ที่สำคัญคือบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ดูแลนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ทีได้เป็นแกนนำรวบรวมหน่วยงานต่างๆ กระทรวงแรงงานขอชื่นชมในความมุ่งมั่นที่อมตะมีส่วนร่วมในการยกระดับความปลอดภัยและอาชีวอนามัยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ที่กระทรวงแรงงานตั้งไว้ อันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าของคนทำงาน ที่เป็นทรัพยากรสำคัญ อีกทั้งการจัดงานในวันนี้เป็นความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่เป็นรูปแบบประชารัฐเพื่อพัฒนาประเทศชาติต่อไป" นายอารักษ์ กล่าว
กระทรวงแรงงานเชื่อมั่นว่านิคมอุตสาหกรรมอมตะนครและสถานประกอบการในนิคมแห่งนี้จะเป็นต้นแบบที่ดี นอกจากจะดำเนินการประกอบธุรกิจของตนแล้วยังคงสร้างให้คนทำงานแรงงานของตนมีความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดีรวมถึงมีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีต่อจิตใจ อารมณ์และสังคมในการทำงานเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอีกด้วยด้านนายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัทอมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะผู้ดูแลนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ซึ่งมีบริษัทชั้นนำระดับโลกเข้ามาตั้งสถานประกอบการกว่า 1,000 โรงงาน อมตะจึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ นอกจากการดำเนินธุรกิจ อมตะยังให้ความสำคัญ ด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
"โครงการความร่วมมือ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ในครั้งนี้เป็นหนึ่งในการดำเนินงานที่สอดประสานรับกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในกับผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าในนิคมของอมตะและ เป็นการยกระดับเรื่องความปลอดภัยของสังคมและแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ที่จะมีคุณภาพชีวิตในการทำงานที่เหมาะสม เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของภาครัฐและเอกชนที่จะร่วมมือกันเสริมสร้างบรรยากาศ ในการลงทุนเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ของนิคมอมตะซึ่งอยู่ในพื้นที่ของโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC" นายวิบูลย์ กล่าวอย่างไรก็ตามนิคมอุตสาหกรรมอมตะขอขอบคุณที่หน่วยงานภาครัฐได้เล็งเห็นความสำคัญและสนับสนุนโครงการดังกล่าวนี้และจะให้ความร่วมมือเพื่อให้บรรลุตามเจตนารณ์ของโครงการเพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของชาติต่อไป