จากการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 13 – 17 เมษายน 2560 ที่ผ่านมา สภาพอากาศที่เอื้อต่อ การทำฝนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ กรมฝนหลวงและการบินเกษตรจึงปฏิบัติภารกิจการทำฝน ซึ่งพบว่า มีจังหวัดที่มีวันฝนตกรวม 31 จังหวัด มีน้ำไหลเข้า 36 อ่างเก็บน้ำสำคัญ รวม 123.63 ล้าน ลบ.ม. โดยสามารถแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ 42.19 ล้าน ลบ.ม. ภาคกลาง 11.30 ล้าน ลบ.ม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 6.59 ล้าน ลบ.ม. ภาคตะวันออก 1.33 ล้าน ลบ.ม. และภาคใต้ 62.22 ล้าน ลบ.ม. รวมทั้งทำให้มีปริมาณน้ำ ไหลเข้า 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) เปรียบเทียบกับปริมาณน้ำในช่วงเวลาเดียวกัน ปี 2559/60 มีปริมาณน้ำมากกว่าปี 2558/59 อีกด้วย
นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากรายงานสถานการณ์หมอกควันของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในพื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัด ณ วันที่ 18 เมษายน 2560 พบว่า ในแต่ละจังหวัดที่ประสบปัญหาหมอกควัน มีค่ามาตรฐานฝุ่นละอองในอากาศ หรือ PM10 ไม่เกิน 120 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ซึ่งเป็นคุณภาพอากาศที่ดี ไม่มีผลต่อสุขภาพของประชาชน ส่วนในด้านการยับยั้งพายุลูกเห็บ กรมฝนหลวงและ การบินเกษตร ก็ได้ช่วงชิงโอกาสในการปฏิบัติการฝนหลวง ปฏิบัติภารกิจจนเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ได้อีกเช่นกัน ซึ่งถือได้ว่าการดำเนินงานในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ สามารถช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ปัญหาหมอกควัน พายุลูกเห็บ และสามารถเติมน้ำในเขื่อน ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรและพื้นที่การเกษตร ได้อย่างประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม ประชาชนและเกษตรกรยังสามารถแจ้งการขอรับบริการฝนหลวงหรือแจ้งปัญหาจากภัยแล้งได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคต่างๆ และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร อย่างต่อเนื่องได้ที่เพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร หรือ เว็บไซต์กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit