นักวิจัยจาก Pennsylvania state university และ Duke University ตามเก็บข้อมูลจากเด็กๆ กว่า 700 คนทั่วสหรัฐอเมริกาตั้งแต่วัยอนุบาลจนถึงอายุ 25 ปี พบว่ามีความสัมพันธ์ที่น่าสนใจระหว่างทักษะทางสังคมเมื่อเป็นเด็กอนุบาล และความสำเร็จเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ในยี่สิบปีต่อมา เด็กที่มีความสามารถในการเข้าสังคมสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี ช่วยเหลือผู้อื่นเข้าใจความรู้สึกผู้อื่น และแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง มีแนวโน้มที่จะเรียนจบระดับปริญญาและมีงานประจำภายในอายุ 25 ปี มากกว่าเด็กที่มีความสามารถทางสังคมจำกัด
รศ.นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวว่า ผลจากการสำรวจต่างๆเหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่า ความฉลาดทางความคิดควบคู่ไปกับความฉลาดด้านอารมณ์เป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จในอนาคต พ่อแม่มีบทบาทสำคัญที่จะช่วยเตรียมความพร้อมให้ลูกก้าวสู่ความสำเร็จในอนาคตได้ตั้งแต่ช่วงวัยทารก เริ่มตั้งแต่ด้านโภชนาการ ซึ่ง "นมแม่" นับเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและสมองของลูก เพราะมีสารอาหารสำคัญได้แก่ ดีเอชเอ (DHA), เออาร์เอ (ARA) และ เอ็มเอฟจีเอ็ม (MFGM) เยื่อหุ้มอนุภาคไขมัน ซึ่งอุดมด้วยไขมันและโปรตีนกว่า 150 ชนิด งานวิจัยชี้ว่า เด็กที่ดื่มนมเสริม เอ็มเอฟจีเอ็ม (MFGM) และดีเอชเอ (DHA) จะมีพัฒนาการทางด้านสติปัญญา และสมอง ใกล้เคียงกับเด็กที่ดื่มนมแม่และดีกว่าเด็กที่ ดื่มนมที่มี DHA เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องความฉลาดทางอารมณ์ เช่น มีสมาธิจดจ่อมากขึ้น ไม่ก้าวร้าวและมีอารมณ์ดีแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในกรณีที่คุณแม่มีน้ำนมไม่เพียงพอก็ควรหาผลิตภัณฑ์นมที่มีสารอาหารใกล้เคียงนมแม่มาช่วยเสริมในการดูแลลูกน้อย เพราะสารอาหารเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อการพัฒนาสมองของลูก ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการประมวลความคิดและการแสดงออกทุกอย่าง
พ่อแม่มือใหม่ มิค บรมวุฒิ และ เบนซ์ พรชิตา แชร์เคล็ดลับเลี้ยง "น้องปริม" ว่า "เราจะให้ความสำคัญกับเรื่องโภชนาการมาก เพราะโภชนาการที่ดีมีส่วนสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างสมองและสติปัญญาของลูก และเราก็รู้ว่านมแม่ดีที่สุด เบนซ์เลยตั้งใจให้นมแม่ให้นานที่สุด ยิ่งทราบว่าตอนนี้มีนมที่มีสารอาหารพัฒนาสมองอย่าง MFGM และ DHA ที่พบในนมแม่มาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการพัฒนาสมองทั้งความคิดและความฉลาดด้านอารมณ์ โดยเฉพาะช่วง 3 ขวบปีแรก จึงเป็นโอกาสทองของเราที่จะดูแลน้องปริมอย่างเต็มที่ เพราะเราเชื่อว่าเด็กที่คิดเก่ง และคิดดีจะช่วยให้ลูกอยู่ในโลกยุคดิจิตอลได้ดีค่ะ " ด้านคุณพ่อนักดนตรีลูก 3 สิงโตนำโชค และภรรยาคนสวย มาเลีย บอกถึงวิธีดูแล "น้องไค" และฝาแฝด "น้องคาเน และ น้องคาเลโอ"ว่า "ลูกเหมือนของขวัญอันล้ำค่าของเรา ตอนนี้ลูกทั้ง3 เข้าสู่วัยเรียนรู้ เราเน้นการเลี้ยงดูและได้รับโภชนาการที่ดี ซึ่งวัยนี้สมองจะพัฒนาสูงสุด อะไรที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญา และความฉลาดทางด้านอารมณ์ ผมและภรรยาจะสนับสนุนเต็มที่ เริ่มต้นจากการเลือกสารอาหารที่มีประโยชน์ ง่ายๆเช่น นมที่มี DHAและ MFGM ที่มีส่วนช่วยพัฒนาสมอง ควบคู่ไปกับการสอนให้ลูกมีสมาธิจากการร้องเพลง วาดรูป, เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ส่วนในอนาคตเขาอยากจะเป็นอะไรก็ได้ตามใจเขา แต่ที่สำคัญที่สุดคืออยากให้เขาอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขก็พอครับ"
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit