น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยตอบรับข่าวเชิงบวกจากกรณีสภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงในร่างงบประมาณได้แล้วทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีงบประมาณบริหารประเทศจนถึงสิ้นสุด 30 ก.ย. โดยคาดว่าสภาคองเกรสจะลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณดังกล่าวในสัปดาห์นี้ และแม้ว่าตัวเลขจีดีพีของสหรัฐฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะเติบโตช้าที่สุดในรอบ 3 ปีโดยขยายตัวเพียง 0.7% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.2% แต่ธนาคารกลางสหรัฐสาขาแอตแลนตาระบุว่าจีดีพีสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 4.3% ในไตรมาส 2 ปีนี้ซึ่งจะเป็นอัตราการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3/2557
นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอที่ประชุมครม.สัปดาห์หน้าของบประมาณเพิ่ม 3.4 แสนล้านบาทในการขับเคลื่อนเมกะโปรเจ็กต์ปี 2561 โดยเดินหน้าเปิดประมูลก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 2 สาย และปรับปรุงสนามบิน 4 แห่ง ประกอบกับตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมี.ค.60 เติบโต 12.13% จากเดือนก่อน โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่67.09% บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเติบโตได้ดี
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยกดดันมาจากการเปิดเผยตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนในเดือนเม.ย.ที่เปิดเผยโดยไฉชินและสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนมีความสอดคล้องกันว่าหดตัวจากเดือนก่อนหน้าเป็นการบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัว รวมถึง Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติผันผวนจากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเหนือ และราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงจากความกังวลการผลิตน้ำมันที่สูงขึ้นในสหรัฐ หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น 15 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้น 9 แท่นสู่ระดับ 697 แท่น
ทั้งนี้ ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 2-3 พ.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ คาดว่า FED จะคงอัตราดอกเบี้ย 1% ในการประชุมครั้งนี้ วันที่ 5 พ.ค. สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย. และในวันที่ 7 พ.ค. ฝรั่งเศสเลือกตั้งรอบสอง นายเอมมานูเอล มาครอง อดีตรมว.กระทรวงเศรษฐกิจ มีคะแนนเสียงนำ
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้คาดว่านักลงทุนจะติดตามผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบ 2 ในวันที่ 7 พ.ค. (โดยหากนาย Macron ชนะจะเป็นบวกต่อภาพการลงทุน) ซึ่งส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติมีความผันผวน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีแรงซื้อดักผลประกอบการไตรมาส 1/2560 ช่วยพยุงดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,550 - 1,585 จุด
ทั้งนี้แนะนำรอซื้อช่วงอ่อนตัวแบบ Selective Buy ในหุ้นที่คาดว่ากำไรไตรมาส 1/2560 เติบโต แนะนำ PTTGC, TOP, BANPU, WICE, JWD และ LIT
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ปัจจัยเสี่ยงในรอบสัปดาห์นี้ต่างผ่อนคลายลง โดยคาดว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ย แต่หากมีคำกล่าวชี้ชัดถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไป จะเป็นแรงกดดันต่อราคาทองคำได้ ในขณะที่การเลือกตั้งฝรั่งเศสมีโอกาสจะได้ เอ็มมานูเอล มาครอง เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีตามการคาดการณ์ของผลสำรวจ จึงไม่มีผลต่อราคาทองคำ เพราะจะไม่เกิด Frexit
อย่างไรก็ตาม หากพลิกโผด้วยชัยชนะของ มารีน เลอ แปง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการล่มสลายของเงินสกุลยูโรจะหนุนเงินทุนให้ไหลเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยทันที ทั้งดอลลาร์สหรัฐฯ เยนญี่ปุ่น และโลหะมีค่า
ส่วนในมุมมองทางเทคนิคนั้น ภาพราคาเริ่มดูไม่สวยหลังหลุดระดับ 1,260 ดอลลาร์ รับข่าวนักการเมืองสหรัฐฯสามารถตกลงเงื่อนไขปรับเพิ่มเพดานหนี้กันได้แบบไม่ยืดเยื้อโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นฝ่ายยอมถอย ทำให้ราคาทองคำลงมายืนบนแนวรับ 1,255 ดอลลาร์ และปรับช่วงการสวิงระยะสั้นลงมาอยู่ระหว่าง 1,240–1,270 ดอลลาร์ แต่โดยรวมถือว่าแนวโน้มขาลงได้ก่อตัวขึ้นแล้ว จึงควรเล่นแบบ swing trade โดยเน้น short ในจังหวะชะลอตัวระหว่างการปรับขึ้น
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit