นอกจากนี้ ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในพื้นที่ทุรกันดารภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทรงทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของพสกนิกรจากปัญหาขาดแคลนน้ำ ขณะที่ทรงทอดพระเนตรเห็นเมฆบนฟ้าลอยผ่าน ณ เวลานั้น พระองค์ตั้งพระราชหฤทัยที่จะแปรเมฆเหล่านั้นให้เป็นเม็ดฝนเพื่อจะแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำให้กับราษฎร พระองค์ท่านทรงมุ่งมั่นทุ่มเทพระสติปัญญา พระวรกาย และสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ทำการศึกษาวิจัยพัฒนาจนประสบความสำเร็จเป็นเทคโนโลยีการทำฝนเทียมอันทรงประสิทธิภาพ และก่อกำเนิดเป็นโครงการพระราชดำริฝนหลวงขึ้นมา
"จนถึงทุกวันนี้นับเป็นเวลากว่า 60 ปีแล้ว ที่โครงการพระราชดำริฝนหลวงได้สร้างคุณูปการทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม รวมทั้งความมั่นคงด้านน้ำให้แก่ประเทศไทย และที่สำคัญเทคโนโลยีฝนหลวงนั้นได้เป็นที่รับการยอมรับจากทั่วโลก ได้รับการจดสิทธิบัตรในพระปรมาภิไธยทั้งในประเทศและต่างประเทศขณะที่หลายประเทศก็ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เพื่อนำเทคนิคและวิธีการที่ทรงคิดค้นไปปรับใช้ในการแก้ปัญหาความแห้งแล้งในประเทศของตัวเอง โครงการพระราชดำริฝนหลวง จึงนับเป็นนวัตกรรมที่เกิดจากพระอัจฉริยภาพโดยแท้จริง เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงพระราชทานแก่คนไทยและมวลมนุษยชาติ" นายธีรภัทร กล่าว
ด้านนายสุรสีห์ กิตติมณฑล รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมภายใน ประกอบด้วยนิทรรศการที่น่าสนใจ อาทิ นิทรรศการ "ธ สถิตในดวงใจตราบนิรันดร์" โดยใช้เทคโนโลยีภาพเพลงเล่าเรื่องตั้งแต่การเกิดพระราชดำริฝนหลวงจนถึงปัจจุบัน และนิทรรศการ "9 นวัตกรรมแห่งพระอัจฉริยภาพ" "ตำนานแห่งฝน" การนำผลงานการบูรณาการต่อเนื่องจากโครงการพระราชดำริฝนหลวง การสนองงานพระราชดำริผ่านโครงการต่างๆ ของหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมหน่วยงานความร่วมมืออีก 21 นิทรรศการจาก 21 หน่วยงาน นอกจากนี้ ภายในงานยังได้รับความร่วมมือจากวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกข้าวแปลงใหญ่ ตำบลคอรุม และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกข้าวจากเพชรบูรณ์ สุรินทร์ อุบลราชานี พระนครศรีอยุธยา ฯลฯ มาร่วมกันจัด "ตลาดนัดข้าวอินทรีย์แท้" ซึ่งผ่านการรับรองตามมาตรฐาน GAP มาจำหน่ายในราคาชาวนาเริ่มต้นที่กิโลกรัมละ 20 บาท และยังมีข้าวฝนหลวงนาทีทองราคากิโลกรัมละ 10 บาท รวมทั้งนำสินค้าการเกษตรทั้งผัก ผลไม้ อาหารสดและแปรรูป มาจำหน่ายให้ประชาชนทั่วไปในราคาประหยัด รวมทั้งมีกิจกรรมเสริมสร้างอาชีพ อาทิ การสาธิตทำอาหารเมนูสุขภาพ การอบรมออกแบบหีบห่อผลิตภัณฑ์ให้น่าสนใจและเทคนิคการเพ้นท์เดคูพาจ ดำเนินการสอนโดยอาจารย์และผู้มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
จึงขอเชิญชวนประชาชนมาร่วมงาน "วันพระบิดาแห่งฝนหลวง" ระหว่างวันที่ 14-16 พฤศจิกายน 2559 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นหาที่สุดมิได้ และร่วมกันประกาศก้องถึงพระเกียรติคุณแห่งองค์ "พระบิดาแห่งฝนหลวง" ผู้ทรงเป็น "พ่อ" ของพวกเราเหล่าพสกนิกรชาวไทยทุกคน
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit