นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า จากการหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐและเอกชน เช่น กรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้ายใน กรมศุลกากร และสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ประกอบด้วย ซีพี เบทาโกร เซนทาโก คาร์กิลล์มีทส์ แหลมทองสหการ ไทยฟู้ดส์ กรุงไทยอาหารสัตว์ ลีพัฒนาอาหารสัตว์ ท๊อปฟีดมิลล์ เมื่อวานนี้ (2 พฤศจิกายน 2559) ที่ประชุมได้ข้อสรุปในการแก้ปัญหาผลผลิตข้าวโพด ด้วยการให้สมาชิกสมาคมฯเป็นผู้รับซื้อข้าวโพดมากกว่าที่จำนวนที่ซื้อปกติในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทั้งหมดประมาณ 300,000 ตัน ซึ่งจะจัดสรรให้กับสมาชิกตามลำดับ คือ กรุงเทพโปรดิ๊วส (บริษัทจัดหาวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้กับซีพี) 150,000 ตัน, เบทาโกร 40,000 ตัน, คาร์กิลล์ (อาหารสัตว์) 20,000 ตัน, เซนทาโก 15,000-20,000 ตัน ฯลฯ
ทั้งนี้ ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทยออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือน สิงหาคม-ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งในปีนี้ผลผลิตออกสู่ตลาดมากกว่าปกติ กล่าวว่า คือ ผลผลิตในเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 400,000 ตัน, กันยายน 1 ล้านตัน, ตุลาคม 1.3 ล้านตัน, พฤศจิกายน 800,000 ตัน และ ธันวาคม 400,000 ตัน และคาดว่าผลผลิตจะลดลงเหลือ 100,000 ตัน ในเดือนมกราคมปีหน้าซึ่งเป็นหลังฤดูเก็บเกี่ยว โดยอุตสาหกรรมอาหารสัตว์มีความต้องการใช้เฉลี่ยที่เดือนละ 500,000 ตัน สำหรับผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4.7 ล้านตันต่อปี ขณะที่ความต้องการสูงถึง 7.8 ล้านตัน
นางนันทวัลย์ กล่าวว่า ผู้ผลิตอาหารสัตว์จะรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มากกว่าที่รับซื้อปกติเพื่อเก็บผลผลิตส่วนเกินในเดือนพฤศจิกายน เข้าสต๊อก ในราคาที่เป็นไปตามเงื่อนไขและคุณภาพที่กรมฯกำหนด เพื่อให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้
ที่ผ่านมา บริษัทกรุงเทพโปรดิ๊วส์เปิดจุดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์15 จุดทั่วประเทศ เพื่อพยุงราคาในประเทศ พร้อมขยายรับซื้อที่ความชื้น 30 % เกินกว่ามาตรฐานสมาคมฯกำหนดที่ 14.5% โดยรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 8 บาท ตามคุณภาพมาตรฐาน ณโรงงานอาหารสัตว์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล และยังเปิดช่องทางพิเศษให้รายย่อยเข้าขายได้โดยตรงไม่ต้องรอคิว สามารถลงผลผลิตได้อย่างรวดเร็ว และขายผลผลิตได้มากกว่า 1 รอบภายในวันเดียวกัน พร้อมกับมีราคาประกาศและยืนราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในอัตราเดียวกันเป็นเวลา 1 สัปดาห์