นายมิตติ กล่าวว่า "หลังจากฤดูกาล 2016 ทาง เชียงราย ยูไนเต็ด สามารถจบอันดับท็อปเทนได้ โดยรั้งอันดับที่ 8 แต่ก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจมากนัก ทำให้ทางฤดูกาล 2017 นั้น ทางผู้บริหารสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด ได้มานั่งคุยกันเพื่อหาทางนำทีม "กว่างโซ้งมหาภัย" กลับมาผงาดในหัวตารางอีกครั้ง สำหรับวิสัยทัศน์ในการจัดการทีมในอีก 5 ปีต่อไปนี้ เราจะวางแผนกลยุทธ์เหมือนกับการวางแผนการในการเล่นฟุตบอล ที่มีกองหน้า(การตลาด) กองกลาง (ระบบบริหารที่แข็งแกร่ง เข้าใจกีฬาเพื่อพัฒนาธุรกิจ) กองหลัง (แฟนบอลสนับสนุน) และผู้รักษาประตู (แผนการรองรับการเปลี่ยนแปลงที่ดีในอนาคตทั้งจากผลบอล และการพัฒนาทีมจากข้างในสู่ข้างนอก)"
"นอกจากนี้เราจะทำให้ทีมผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน คลับ ไลเซนซิ่ง (Club Licensing) และก้าวเป็นสโมสรระดับ เอ คลาส ให้ได้ เพื่อเพิ่มฐานแฟนบอล "กว่างโซ้งมหาภัย" ให้มากขึ้นกว่าเดิม เท่านั้นยังไม่พอสโมสรก้าวไปข้างหน้าเสมอด้วยการวางแผนและเตรียมความพร้อมให้ทีมสามารถได้ร่วมแข่งขันในศึกฟุตบอลสโมสรระดับเอเชียอย่าง เอเอฟซีแชมเปี้ยนส์ลีก (AFC Champions League) ทุกปี สำหรับในฤดูกาล 2017 นั้น เราใช้งบประมาณในการทำทีมทั้งหมดกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งเราเชื่อว่า วิสัยทัศน์ของเชียงราย ยูไนเต็ด ในครั้งนี้จะพาเราก้าวขึ้นไปสู่แชมป์ลีกได้อย่างแน่นอน ซึ่งการก้าวขึ้นไปสู่แชมป์นั้น นอกจาก ทีมบริหาร, โค้ช, สต๊าฟโค้ช, นักกีฬา และการบริหารจัดการหลังบ้าน แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือแฟนคลับ "กว่างโซ้งมหาภัย" ที่ตามไปเชียร์ทุกที่จะเป็นแรงผลักดันที่จะพาเราก้าวไปสู่จุดหมายที่ตั้งเป้าไว้ได้" ประธานสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด กล่าวปิดท้าย
นายธนพล เผยว่า "สำหรับในฤดูกาล 2017 นี้ ทางสโมสรได้ดึงตัวนักเตะชั้นดีฝีเท้ายอดเข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของทีม ซึ่งตอนนี้เราได้ดึงผู้เล่นชั้นแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กองกลางตัวรับของ "กิเลนผยอง" เอสซีจีเมืองทอง ยูไนเต็ด มาร่วมทีม นอกจากนั้นยังมี สุริยา สิงห์มุ้ย (เมืองทอง ยูไนเต็ด), ฉัตรชัย บุตรพรม (ซุปเปอร์พาวเวอร์ สมุทรปราการ), ศิวกรณ์ เตียตระกูล (บีอีซี เทโรศาสน), พิธิวัฒน์ สุขจิตรธรรมกุล (บีอีซี เทโรศาสน), ปฐมพล เจิญรัตนาภิรมย์ (พัทยา ยูไนเต็ด), ชินภัทร์ ลีเอาะ (พัทยา ยูไนเต็ด) จึงเชื่อว่าในฤดูกาลใหม่นี้ เราจะสามารถทำผลงานได้ดีอย่างที่เราตั้งเป้าไว้อย่างแน่นอน"