ดูปองท์รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2016 มียอดการขายรวมเติบโตขึ้นร้อยละ 3

01 Nov 2016
มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในทุกเซกเมนต์ คาดว่าจะมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจในปี 2016 เพิ่มขึ้น

ผลการดำเนินงานสำคัญๆ ในไตรมาส 3

  • ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นที่ $0.01 เทียบกับ $0.14 ในปีก่อน รายได้จากการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นต่อหุ้นที่ $0:34 จาก $0.13 ในปีก่อน
  • ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ที่ 4.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ด้วยอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มวัสดุประสิทธิภาพขั้นสูง ผลิตภัณฑ์การเกษตร ผลิตภัณฑ์อาหารและสุขภาพ และไบโอไซแอนซ์ระดับอุตสาหกรรม ราคาในตลาดลดลงร้อยละ 2
  • กำไรโดยรวมของบริษัทขยายอีก 45 จุด บัญชีขาดทุนจากการดำเนินการก่อนหักภาษีอยู่ที่ 56 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายที่ 280 ล้านเหรียญสหรัฐเกี่ยวกับการด้อยค่าของสินทรัพย์และต้นทุนด้านธุรกรรม ในปีก่อนรายได้จำนวน 227 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมผลประโยชน์จากประกันจำนวน 147 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • รายได้จากการดำเนินธุรกิจในทุกเซกเมนต์ก่อนหักภาษีอยู่ที่ 607 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 กำไรจากการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นประมาณ 350 จุด และมีกำไรเพิ่มขึ้นในทุกเซกเมนต์ที่มีการรายงาน
  • ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 โดยไม่รวมหัวข้อใหญ่ๆ และเงินเลี้ยงชีพซึ่งไม่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจ OPEB ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจลดลงร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับปีก่อน
  • เงินสดหมุนเวียนเพิ่มขึ้นประมาณ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ ปัจจุบัน เป็นผลมาจาการปรับปรุงต้นทุนในการดำเนินกิจการและลดค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน
  • ดูปองท์คาดว่ารายได้ในปี 2016 จะอยู่ที่ 2.71 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากปีก่อน คาดว่ารายได้จากการดำเนินธุรกิจในปี 2016 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 หรือ 3.25 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน

ดูปองท์ (NYSE: DD), บริษัทชั้นนำทางวิทยาศาสตร์ซึ่งทำการค้นคว้าพัฒนานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ วัสดุพื้นฐานและการบริการสู่ตลาดโลก ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2016 ในวันนี้ โดยมีรายได้ตามบัญชีที่ 0.01 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นและรายได้จากการดำเนินธุรกิจที่ 0.34 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น โดยในปีก่อนนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจที่ 0.14 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นและ 0.13 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น

ยอดขายในไตรมาสที่ 3 ทั้งสิ้น 4.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ลบด้วยราคาท้องถิ่นที่ลดลงร้อยละ 2

กระแสเงินสดเพิ่มขึ้น 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐจนปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนต้นทุนในการดำเนินงานที่ดีขึ้น การจ่ายภาษีลดลง ค่าใช้จ่ายในการลงทุนต่ำลงและกระแสเงินสดที่ไม่ไหลออก

เอ็ด บรีน ประธานและซีอีโอของดูปองท์กล่าวว่า "ในไตรมาสนี้เรายังเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เราสามารถเพิ่มรายได้จากการดำเนินงานในแต่ละเซกเมนต์ถึงร้อยละ 40 ทำกำไรเพิ่มในเซกเมนต์ที่มการรายงาน ลดต้นทุน เพิ่มประมาณการขายและเพิ่มกระแสเงินสดหมุนเวียน และจากผลประกอบการและความคืบหน้า รวมท้งสิ่งต่างๆ ที่มีการริเริ่มขึ้น เราจึงปรับคาดการณ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ ขณะเดียวกัน เรากำลังเตรียมการควบรวมกิจการกับดาว เราได้วางโครงสร้างองค์กรที่สนับสนุนนวัตกรรมและใช้ความได้เปรียบจากเครือข่ายการตลาดเพื่อเร่งให้มีการเติบโต นอกจากนี้ เรายังยังได้สรุปแผนที่ช่วยให้ทั้งสองบริษัทสามารถรวมต้นทุน เราทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลด้านกฎระเบียบในข้อกฏหมายเพื่อให้การควบรวมกิจการเสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด ในกรณีที่ เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างเต็มที่ คาดว่าการควบรวมกิจการจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2017 เราคาดว่าการกระจายหุ้นจะเกิดขึ้นภายใน 18 เดือนหลังจากปิดการควบรวมกิจการ

ยอดขายสุทธิทั่วโลก – ไตรมาสที่สาม

ยอดขายสุทธิแบ่งตามสายผลิตภัณฑ์ไตรมาสที่ 3

รายได้ทั้งหมดไตรมาสที่ 3(2)

จากที่กล่าวไปข้างต้นคือสรุปผลประกอบการทางธุรกิจสำหรับรายงานจากสายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทฯ ไตรมาสที่ 3 เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา

ผลิตภัณฑ์การเกษตร – ขาดทุนจากการดำเนินงานในช่วงต่างๆ จาก 189 ล้านดอลลาร์ กลับมาดีขึ้นที่ 21 ล้านดอลลาร์ หรือ10% จากการลดต้นทุน ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น และมีกำไรที่ 28 ล้านดอลลาร์ซึ่งมาจากการปรับมูลค่าเงินบางส่วน คำนวณจากราคาท้องถิ่นที่ลดลงและมูลค่าสินค้าที่สูงขึ้น ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ผลิตได้เพิ่มขึ้น ถูกชดเชยโดยยอดจำหน่ายสารกำจัดเชื้อราและยาฆ่าแมลงที่ลดลง การเพิ่มขึ้นของราคาเมล็ดพันธุ์พืชมากกว่าการชดเชยจากการปกป้องราคาพืชผลที่ลดลง ในปีที่แล้วผลประกอบการจากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 27 ล้านดอลลาร์มาจากยอดขายสินทรัพย์และกำไรอีก 21 ล้านดอลลาร์จากไตรมาสก่อนหน้า กำไรจากดำเนินงานเพิ่มมากขึ้น 230 หน่วยของอัตราผลตอบแทน

ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสาร – ผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 108 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4 ล้านดอลลาร์ หรือ 4% ลดต้นทุนได้มากกว่าการชดเชยความต้องการของตลาดที่ลดลง อันเนื่องมาจากการผลิตฟิล์ม Tedlar ที่ลดลงและความต้องการของตลาดอิเล็กทรอนิกส์ของผู้บริโภคที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง กำไรจากการดำเนินงานขยายมากถึง 240 หน่วยของอัตราผลตอบแทน

กลุ่มวิทยาศาสตร์อุตสาหกรรม – ผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 78 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17 ล้านดอลลาร์ หรือ 28% เนื่องมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพและชีววัสดุ ซึ่งลดต้นทุนได้มากกว่าการชดเชยของปริมาณการผลิต CleanTech ที่ลดลง ความต้องการในกลุ่มสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่เพิ่มขึ้นมาจากการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ภายในบ้านและของใช้ส่วนตัว ขณะที่กลุ่มชีววัสดุที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่งห่ม กำไรจากการดำเนินงานขยายมากถึง 360 หน่วยของอัตราผลตอบแทน

การดูแลสุขภาพและการแพทย์ – ผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 135 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33 ล้านดอลลาร์ หรือ 32% เนื่องมาจากการขยายตัวของปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่ม โปรไบโอติกส์ การเพาะเลี้ยงและระบบทำส่วนผสมต่างๆ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนการผลิตสินค้า กำไรจากการดำเนินงานขยายมากถึง 380 หน่วยของอัตราผลตอบแทน

วัสดุประสิทธิภาพขั้นสูง – ผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 371 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 54 ล้านดอลลาร์ หรือ 17% ลดค่าใช้จ่ายอันเนื่องมาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดยานยนต์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน) และสามารถลดต้นทุนการผลิตได้มากกว่าการชดเชยอยู่ที่ 14 ล้านดอลลาร์ ซึ่งได้รับผลกระทบด้านลบมาจากมูลค่าเงินตราและสูญหาญไป 16 ล้านดอลลาร์กำไรสุทธิจากการร่วมลงทุนในปีก่อนหน้า กำไรจากการดำเนินงานขยายมากถึง 350 หน่วยของอัตราผลตอบแทน

ความปลอดภัยสำหรับผู้คนและระบบทำงาน – ผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 162 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16 ล้านดอลลาร์ หรือ 11% อันเนื่องมาจากการลดค่าใช้จ่ายและปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นมีปัจจัยจากความต้องการของวัสดุที่ใช้ผลิตอุปกรณ์ป้องกันและเคลือบผิวหน้า Tyvek® โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปอเมริกาเหนือ กำไรจากการดำเนินงานขยายมากถึง 225 หน่วยของอัตราผลตอบแทน

การคาดการณ์ในปี 2559

บริษัทตั้งเป้าผลกำไรตามหลักการบัญชีในปีนี้อยู่ที่ 2.71 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อนหน้า ผลกำไรจากการดำเนินงานตลอดทั้งปี 2559 ซึ่งตั้งไว้ว่าจะเพิ่ม 17% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้าอยู่ที่ 3.25 ดอลลาร์ต่อหุ้น ที่ขึ้นมาจากช่วงก่อนหน้าซึ่งอยู่ระหว่าง 3.15 – 3.20 ดอลลาร์ต่อหุ้น คาดการณ์จากอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 0.07 ดอลลาร์ต่อหุ้น บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้ากำไรอยู่ที่ 0.64 ดอลลาร์ต่อหุ้นจากการปรับเปลี่ยนแผนโครงสร้างและการลดค่าใช้จ่ายทั่วโลกในปี 2559 และการคาดการณ์จากเงินตราอยู่ที่ 0.15 ดอลลาร์ต่อหุ้น ผลกำไรตามหลักการบัญชีของบริษัทในปี 2559 รวมถึงค่าธรรมเนียมที่ถูกคิดอยู่ที่ 0.37 ดอลลาร์ต่อหุ้นสำหรับค่าใช้จ่ายทางธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกับบริษัทดาว(Dow)

การใช้งานของหลักการวัดมูลค่าที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ (Non-GAAP Measures)

การรายงานผลประกอบการนี้มีข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกับกฏพื้นฐานหลักของการทำบัญชี (Generally Accepted Accounting Principles) ของสหรัฐอเมริกาและถือว่าเป็นหลักการวัดมูลค่าที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ หน่วยการวัดเหล่านี้รวมถึง ผลประกอบการรวมของบริษัทและกำไรต่อหุ้นโดยคำนวณจากรายได้จากการดำเนินการ ซึ่งไม่รวมรายการสำคัญและเงินสำรองที่ไม่เกิดจากการดำเนินการ ค่าผลประโยชน์หลังออกจากงาน (รายได้จากการดำเนินการและกำไรต่อหุ้นจากการดำเนินการ) รายได้ทั้งหมดก่อนหักภาษีจากการดำเนินการ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและค่าใช้จ่ายนิติบุคคลโดยคำนวณจากรายได้จากการดำเนินการ คณะผู้บริหารใช้หลักการวัดเหล่านี้ภายในบริษัทเพื่อวางแผน คาดการณ์ และประเมินการทำงานของแต่ละแผนกในบริษัท รวมถึงการกำหนดทรัพยากรและการประมวลค่าตอบแทน เพื่อสภาพคล่องขอธุรกิจ คณะผู้บริหารเลือกใช้เงินสดที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่าย หรือเป็นเงินที่ถูกกำหนดโดยการเอาเงินสดที่ได้รับหรือเกิดจากการดำเนินการมาหักกับการลงทุนในการซื้อทรัพย์สิน โรงงานและอุปกรณ์ต่างๆ เงินสดที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับนักลงทุนและคณะผู้บริหารในการประเมินกระแสเงินสดและการประเมินด้านการเงินของบริษัท และยังเป็นหลักการวัดทางการเงินที่ครบถ้วนสำหรับการนำไปใช้ในระบบการวางแผนทางการเงินของบริษัทอีกด้วย คณะผู้บริหารเชื่อว่าหลักการวัดมูลค่าที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์มีความสำคัญต่อนักลงทุน โดยหลักการวัดเหล่านี้จะเผยถึงข้อมูลเชิงลึกของผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่องของบริษัท และเป็นการเปรียบเทียบผลประกอบการแบบปีต่อปีที่มีประโยชน์มากกว่า หลักการวัดมูลค่าที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์เป็นเพียงส่วนที่เสริมกับกฏพื้นฐานหลักของการทำบัญชีของเราที่เปิดเผยเอาไว้แล้ว และไม่ควรมองว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการวัดมูลค่าของธุรกิจโดยกฏพื้นฐานหลักของการทำบัญชี การใช้หลักการวัดมูลค่าที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์และกฏพื้นฐานหลักของการทำบัญชีร่วมกันถูกกำหนดไว้ในรายละเอียดข้อ A, C และ D รายละเอียดของรายการสำคัญถูกกำหนดไว้ในรายละเอียดข้อ B