นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว. หรือ SME Development Bank) เปิดเผยว่า เชื่อว่าธนาคารของรัฐแต่ละแห่งไม่ได้นิ่งนอนใจ ต่อกรณีกระแสข่าวหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ของระบบธนาคารพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นนั้น เช่นเดียวกับนโยบาย ธพว. ที่เน้นภารกิจให้ความช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ที่ประสบปัญหา พร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ และเชื่อมั่นว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ก.ย. - ต.ค. 2559) ธพว. สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้ดำเนินปรับเงื่อนไขและปรับโครงสร้างหนี้ได้จำนวนกว่า 1,800 ราย เป็นจำนวนเงินกว่า 2,300 ล้านบาท ซึ่งในปี 2559 ได้ให้ความช่วยเหลือและคำปรึกษาไปแล้ว 12,000 ราย จำนวนเงิน 13,000 ล้านบาท ปรับสถานะเป็นลูกหนี้ที่ชำระตามปกติไม่มีฐานะเป็น NPL และสามารถชำระหนี้ได้อย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น เจรจาปรับเงื่อนไข (DR) และปรับโครงสร้างหนี้ (TDR) กว่า 8,800 ราย วงเงินกว่า 11,000 ล้านบาท ช่วยปรับชั้นลูกหนี้ให้อยู่ในเกณฑ์สามารถชำระหนี้ได้กว่า 700 ราย วงเงินกว่า 470 ล้านบาท จัดเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ไตรมาส 3 และไตรมาส 4 รวม จำนวนกว่า 2,100 ราย เป็นจำนวนเงินกว่า 1,000 ล้านบาท
"ธพว. พยายามหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการทางกฎหมายกับผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย ซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคาร โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่ และให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ขอเพียงผู้ประกอบการ SMEs อย่าหนีปัญหา ไม่ต้องกลัวที่จะมาพูดคุยเจรจากับเจ้าหน้าที่ของธนาคาร สถานการณ์เช่นนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการแข่งขัน เป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น
ดังนั้น ธพว. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ และเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการทำธุรกิจ SMEs โดยผู้ประกอบการ SMEs สามารถติดต่อเจรจาลดจำนวนเงินค่างวด ขยายระยะเวลาชำระหนี้ออกไป หรือประนอมชำระหนี้ โดยของดการขายทอดตลาดหลักประกันชั่วคราว หรือขอความช่วยเหลือด้านอื่นๆ จากธนาคารได้ อาทิ ด้านการตลาด ด้านการบริหารจัดการ ด้านภาษี ด้านการเงิน ตลอดจนด้านการปรับปรุงดีไซน์บรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย สร้างมูลค่าสินค้าเพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายสู่ตลาดโลกผ่าน Alibaba.com โดยติดต่อผ่าน Call Center 1357" นายมงคลกล่าวในที่สุด
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit