" ทั้งสองกลุ่มบริษัทอยู่ในธุรกิจการเกษตรมายาวนานกว่า 40 ปี มีฐานลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มาอย่างยาวนาน รวมถึงมีความแข็งแกร่งในผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน แต่เกื้อหนุนกันเป็นอย่างดี โดยกลุ่มบริษัทไอซีพีเป็นผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายปุ๋ยเคมี ส่วนกลุ่มบริษัทลัดดาเป็นผู้นำการผลิตและจำหน่ายสินค้าอารักขาพืช ซึ่งทั้งสองกลุ่มสินค้ามีความจำเป็นในการเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของพืชผลทางการเกษตร ที่เกษตรกรใช้เป็นปัจจัยสำคัญอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีบริษัทใดที่นำเสนอสินค้าได้อย่างครบวงจร การร่วมทุนกันในครั้งนี้นอกจากจะทำให้เราสามารถพัฒนาระบบการผลิตและจำหน่ายปัจจัยการผลิตสินค้าทางการเกษตรได้ครบวงจรมากที่สุดบริษัทหนึ่งในประเทศไทยแล้ว ยังสามารถนำเอาองค์ความรู้จากทั้งสองบริษัทมาพัฒนาร่วมกัน เพื่อการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพยิ่งๆ ขึ้นไป อันจะส่งผลดีต่อลูกค้าของเรา ให้เกษตรกรไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ดียิ่งขึ้น" นายพงษ์โรจน์ กล่าว
โดยหลังจากบรรลุข้อตกลงร่วมกันแล้ว ทางบริษัทฯ มีแผนที่จะสื่อสารไปยังกลุ่มเกษตรกรเพื่อให้ทราบถึงขีดความสามารถและประโยชน์ที่กลุ่มบริษัทฯ สามารถตอบสนองให้แก่ลูกค้าได้ในทุกระดับ ทั้งในด้านรายละเอียดของสินค้าและการให้คำปรึกษาด้านการปลูกพืช ควบคู่ไปกับการทำความเข้าใจและกระจายสินค้าไปยังร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของทั้งสองบริษัทฯ รวมถึงขยายตลาดส่งออก โดยการนำเสนอสินค้าในกลุ่มใหม่ๆ สู่ตลาดต่างประเทศไปพร้อมๆ กัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนรุกตลาดต่อเนื่อง ผ่านกลยุทธ์สื่อสารทางการตลาด โดยจะมีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ร่วมกับกิจกรรมส่งเสริมการขาย ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2560 ซึ่งถือเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลผลิต เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากปี 2559 ที่บริษัทฯ มีการทุ่มงบประมาณด้านการสื่อสาร
การตลาดผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย จนส่งผลให้กลุ่มบริษัทไอซีพีมียอดขายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 14 มากกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดการณ์ไว้ถึงร้อยละ 9 ดังนั้น บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าทั้งศักยภาพด้านการผลิตและจัดจำหน่าย รวมถึงแผนการสื่อสารการตลาดที่ดี จะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของทั้งสองกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้นในระยะเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน
ปัจจุบัน ตลาดปุ๋ยเคมีภายในประเทศมีมูลค่ารวมประมาณ 7.5 – 8 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยกลุ่มบริษัทไอซีพีมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ร้อยละ 14 หรือคิดเป็นมูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านบาท เป็นอันดับที่ 3 ของผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยเคมีในประเทศไทย ส่วนตลาดสินค้าอารักขาพืชในประเทศไทยนั้นมีมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทลัดดามีส่วนแบ่งตลาดประมาณร้อยละ 5 หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท ถือเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรายใหญ่ 5 อันดับแรกของไทย สินค้าที่ได้รับความนิยมของกลุ่มบริษัทลัดดา ได้แก่ พรีดิคท์ ราเซอร์ เลกาซี 20+พานาส โค-ราช และ ไกลโฟเซต
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit