GUNKUL เดินเครื่องจ่ายไฟพลังงานลม เข้าระบบเพิ่มอีก 50 MW หนุนรายได้เพิ่ม 800 ลบ.ต่อปี/มั่นใจเสริมศักยภาพธุรกิจแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ( GUNKUL) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัท พัฒนาพลังงานลม จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลม ได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าวายุวินด์ฟาร์ม จำนวน 50 เมกะวัตต์ ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2559 ซึ่งเมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ได้จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าซับพลูวินด์ฟาร์ม 1 และโครงการโรงไฟฟ้าซับพลูวินด์ฟาร์ม 2 จำนวน 10 เมกะวัตต์ ไปแล้ว
ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์ จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 800 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรายได้ตั้งแต่ปี 2559 ประมาณ 100 ล้านบาท โดยในปี 2560 รายได้ประมาณ 50% ของกลุ่มบริษัทฯ จะมาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนส่งผลทำให้กลุ่มบริษัทฯ ก้าวเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าอย่างเต็มตัวผลักดันให้รายได้และกำไรปรับเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม GUNKUL ยังมีโครงการโรงไฟฟ้ากังหันลมในลักษณะเดียวกันในมือจำนวน 2 โครงการอีก 110 เมกะวัตต์ ( รวมเป็น 170 เมกะวัตต์) ซึ่งได้รับการสนับสนุนสินเชื่อโครงการจากธนาคารและจัดหากังหันลมเพื่อเข้าติดตั้งแล้ว โดยคาดว่าจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิยชย์ได้ในปลายปี 2560 ซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งด้านรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทฯ ในระยะยาว
"ในปีนี้บริษัทฯจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์ ซึ่งได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบครบทั้งจำนวนในเดือนพฤศจิกายนนี้ ในเบื้องต้นคาดว่าจะมีรายได้เข้ามาประมาณ100 ล้านบาทในปีนี้ โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะช่วยเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันของ GUNKUL ให้สูงขึ้น รวมถึงรายได้และกำไรที่จะเพิ่มเข้ามามากขึ้นในอนาคต " นางสาวโศภชากล่าวในที่สุด
ทั้งนี้บริษัท พัฒนาพลังงานลม จำกัด ประกอบธุรกิจโรงฟ้าพลังงานลม โดย GUNKUL ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ซึ่งโครงการพลังงานลมดังกล่าว ตั้งอยู่ที่ ตำบลห้วยบง อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา มีขนาดกำลังการผลิตรวม 60 เมกะวัตต์ และเป็นโครงการที่ภาครัฐให้การสนับสนุนโดยให้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ในอัตรา 3.50 บาทต่อกิโลวัตต์ เป็นเวลา 10 ปี นับจากวันที่เริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมได้ประมาณ 145 ล้านหน่วยต่อปี