เขียนบท ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ - ดัดแปลงจากนิยายของ เอ็ม.แอล. สเต็ดแมน
นักแสดง ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์, อลิเชีย วิกานเดอร์, เรเชล ไวซ์
ประเภท ดราม่า / ประเทศ อังกฤษ-อเมริกา / ความยาว 130 นาที
" คุณจะทำอย่างไร เมื่อต้องสูญเสียลูก และคนที่คุณรักที่สุดตกอยู่ในห้วง หัวใจสลาย รักแท้ของคุณจะมีพลังมากพอไหม ? ที่จะทำหัวใจเธอ กลับมามีชีวิต อีกครั้ง .....
สามนักแสดงมากฝีมือ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาการแสดงมาแล้วถึงสองครั้งจาก 12 Years a Slave และ Steve Jobs, เรเชล ไวซ์ เจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก The Constant Gardener และเจ้าของรางวัลออสการ์ปีล่าสุด อลิเชีย วิกานเดอร์ ( The Danish Girl ) มาประชันบทบาทกันในผลงานชิ้นใหม่ของผู้กำกับ ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ (Blue Valentine) ที่ดัดแปลงจากนิยายชื่อดังของนักเขียนชาวออสซี่ เอ็ม. แอล. สเต็ดแมน เรื่อง The Light Between Oceans
ฉากหลังคือเมืองเล็กๆ ชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลียในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทอม เชอร์บอร์น (ฟาสเบนเดอร์) ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่เฝ้าประภาคารอันห่างไกลกับชุมชน เขาและ อิซาเบล ผู้เป็นภรรยา (วิกานเดอร์) เฝ้ารอว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะประทานลูกมาให้ หลังจากที่อิซาเบลเสียลูกไปหลังคลอด เธอตกอยู่ในอาการซึมเศร้า จนทอมใกล้หมดพลังใจที่จะทำให้เธอกลับมาสดใสดังเดิม ไม่นานนัก ปาฏิหาริย์ก็คล้ายจะเป็นจริงขึ้นมา พวกเขาพบทารกหญิงคนหนึ่งลอยมาเกยฝั่งพร้อมๆ กับเศษซากเรือ พวกเขาไม่รู้ว่า เด็กคนนี้มาจากไหน และเรือที่อับปางลงนั้นคือเรือของใคร แต่ที่แน่ๆ มันคือของขวัญจากเบื้องบนที่พวกเขาเฝ้ารอมานาน พวกเขาตั้งชื่อเด็กทารกว่า ลูซี่ ฟูมฟักหนูน้อยด้วยความรักและกำลังทั้งหมดที่มี
ความสุขนั้นดำรงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อทอมและอิซาเบลเดินทางเข้าไปในเมือง และพบว่าหญิงคนหนึ่ง (เรเชล ไวซ์) กำลังบ้าคลั่งหัวใจสลาย เพราะสูญเสียลูกน้อยจากอุบัติเหตุทางเรือเมื่อไม่กี่ปีก่อน เทียบวันและเวลาดูแล้ว มีความเป็นไปได้สูงมากว่า ทารกของหญิงคนนั้น คือ ลูซี่ แก้วตาดวงใจของทอมและอิซาเบลนั่นเอง
พระเจ้าได้หยิบยื่นทางเลือกอันแสนเจ็บปวดให้กับทั้งคู่ เราควรทำสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่...หากสิ่งที่ถูกต้องนั้น คือการปล่อยคนที่เรารักให้หลุดลอยไป
ผู้กำกับ ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ ยังคงแน่วแน่กับสไตล์ของตนเองกับ The Light Between Oceans คือให้ความสำคัญกับตัวละคร (ผ่านฝีมืออันจัดจ้านของนักแสดงนำ) และความไม่ลงตัวของโชคชะตาที่เข้ามาแทรกแซงทำให้ความรักความสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่น
นิยาย The Light Between Oceans ของ เอ็ม. แอล. สเต็ดแมน ตีพิมพ์ในปี 2012 และกลายเป็นนิยายขายดี นักวิจารณ์ยกย่องว่าสำนวนการเขียนและเนื้อหานั้น ชวนให้นึกถึงงานของนักเขียนชั้นครูอย่างโธมัส ฮาร์ดี้เลยทีเดียว
ตัวอย่างภาพยนตร์
https://www.youtube.com/watch?v=g3uULkvZh1w
เกร็ดภาพยนตร์
1. ภาพยนตร์กำกับและเขียนบทโดยผู้กำกับดราม่ารุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง ดีเร็ก เซียนฟรานซ์ ที่ฝากผลงานดราม่าสุดเข้มข้นอย่าง The Place Beyond The Pine และ Blue Valentine เขาเคยได้รับรางวัลผู้กำกับหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากสมาคมนักวิจารณ์ชิคาโก้ จากภาพยนตร์เรื่อง Blue Valentine ซึ่งได้เข้าชิงรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ 2010 ถึงสองรางวัล ได้แก่กล้องทองคำ (Camera D'or) ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่สร้างโดยผู้กำกับหน้าใหม่ และรางวัล Un Certain Regard ที่มอบให้กับภาพยนตร์ที่มีวิธีการเล่าเรื่องแปลกใหม่ที่สุด ทั้งด้านภาพ หรือสไตล์การเล่า
2. รวมนักแสดงคุณภาพไว้คับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น เรเชล ไวซ์ เจ้าของรางวัลออสการ์ปี 2006 สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก The Constant Gardener ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ นักแสดงเข้าชิงรางวัลออสการ์ปีล่าสุด และปี 2014 สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง Steve Jobs, 12 Years a Slave และอลิเซีย วิคานเดอร์ เจ้าของรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมคนล่าสุด จากเรื่อง The Danish Girl
3. นอกจากนักแสดง และผู้กำกับแล้ว ก็ยังรวมทีมงานคุณภาพไว้อย่างคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับภาพเจ้าของรางวัลเอ็มมี่สองสมัยอย่างอดัม อาร์คาพอว์ จากซีรีย์ยอดฮิตอย่าง True Detective, อเล็กซานเดอร์ เดสแพลต นักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เจ้าของรางวัลออสการ์หนึ่งสมัย จาก The King's Speech, Argo, Benjamin Button, คาเรน เมอร์ฟีย์ นักออกแบบการสร้างจาก The Great Gatsby, Moulin Rouge!, The Matrix Reloaded/Revolutions, เอริน เบนาค นักออกแบบเสื้อผ้าจาก The Lincoln Lawyer และเดวิด เฮย์แมน ผู้อำนวยการสร้างเข้าชิงรางวัลออสการ์จาก Gravity
4. ยกกองถ่ายกันไปถ่ายทำที่สแตนลีย์ ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะทาสเมเนีย ประเทศออสเตรเลีย ให้ตรงกับเนื้อเรื่องจริงๆ ในนิยาย ซึ่งที่จริงแล้ว เกาะทาสเมเนียแทบจะไม่เคยมีกองถ่ายหนังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำเลย โดยภาพยนตร์ที่จะฉายในปี 2016 นี้ก็มีเพียงสองเรื่องเท่านั้นที่ถ่ายทำที่นี่
5. นอกจากในหนังแล้ว การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ยังทำให้ อลิเซีย วิคานเดอร์ และไมเคิล ฟาสเบนเดอร์กลายมาเป็นคู่รักกันจริงๆ นอกจออีกด้วย โดยพวกเขาเริ่มคบหากันตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งเป็นช่วงที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้พอดี
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit