มร. ตู้ จิ้งกั๋ว ประธานเจ้าหน้าที่บริการกลุ่มบริษัทไฮเออร์ เอเชีย กล่าวว่า ไฮเออร์ เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรายใหญ่ที่สุดในประเทศจีนก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1984 โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองชิงเต่า สาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบันบริษัทฯ กำลังจะครบรอบ 32 ปี ได้พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นแบรนด์ที่มีผู้บริโภคกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และมีรายได้ 30.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีผลกำไร 2.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี พ.ศ.2558
"ด้วยกลยุทธ์ทางด้านธุรกิจ ไฮเออร์จึงเร่งพัฒนาขีดศักยภาพการแข่งขันไปทั่วโลก เช่นเดียวกับการขยายเครือข่ายจัดซื้อ การผลิต การจำหน่ายและการบริการลูกค้า ซึ่งปัจจุบันไฮเออร์มีศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์(R&D) 5 แห่ง, บริษัทขาย (Trading Companies) 66 บริษัท และนิคมอุตสาหกรรม (Industrial Parks) 21 แห่งทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตครอบคลุมทุกทวีปทั่วโลก ในหลายประเทศ ได้แก่ จีน สหรัฐฯ อิตาลี รัสเซีย ปากีสถาน อินโดนีเซีย เวียดนาม ญี่ปุ่น อินเดีย และไทย และในปี 2012 บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป ได้จัดอันดับไฮเออร์เป็น 1 ใน 10 บริษัทที่มีนวัตกรรมล้ำสมัยมากที่สุดในโลก และเป็นบริษัทที่มีการพัฒนาที่ดีที่สุดในประเภทธุรกิจค้าปลีกและสินค้าสำหรับผู้บริโภค"
"จากการสำรวจโดยยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นองค์กรอิสระชั้นนำของโลกที่สำรวจข้อมูลเกี่ยวกับอุตสาหกรรม ประเทศ บริษัท และผู้บริโภค ระบุว่า ไฮเออร์เป็นแบรนด์ที่มีโมเดลทางธุรกิจ ที่เข้ากับยุคอินเตอร์เนตและความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังได้รับการจัดอันดับเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนอันดับ 1 เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน โดยไฮเออร์มีส่วนแบ่งการตลาดถึงร้อยละ 9.8 ของปริมาณการค้าปลีกทั่วโลกในปี 2558" มร. ตู้ จิ้งกั๋ว กล่าว
มร. ตู้ จิ้งกั๋ว เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนของโลกมีความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ผู้บริโภคใช้อินเตอร์เนตกันมากขึ้นในการเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการเฉพาะตัว โดยระบบการผลิตในอุตสาหกรรมที่เป็นระบบปิดและล้าสมัยไม่สามารถที่จะสนองความต้องการที่เกิดขึ้นได้อีกต่อไป ซึ่งบริษัทต่างๆ จึงจำเป็นต้องรับฟังและตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคเพื่อที่จะสร้างความโดดเด่นในตลาดสินค้า แม้ว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนทั่วโลกจะมีการเติบโตไม่มากนัก แต่ไฮเออร์ก็สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนไว้ได้ ด้วยการปรับโมเดลทางธุรกิจเพื่อตอบรับยุคอินเทอร์เนตและความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน อาทิ Interconnection Factory ซึ่งเป็นต้นแบบของระบบการผลิตที่พัฒนาขึ้นโดยไฮเออร์ รวมถึงระบบวิเคราะห์ธุรกิจอัฉริยะ (Business Intelligence) เพื่อสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ใน Industry 4.0 ไฮเออร์ได้เปิดโรงงานประเภทนี้ไปแล้วจำนวนหนึ่ง ได้แก่ โรงงานผลิตตู้เย็นในเสิ่นหยาง โรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศในเจิ้งโจว และโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในฝอซาน ซึ่งเชื่อมโยงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน หุ้นส่วน ลูกค้า ผู้บริโภคหรือกระทั่งซัพพลายเออร์เข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้โมเดลธุรกิจนี้ ผู้บริโภคของไฮเออร์จึงกลายเป็นนักออกแบบและสามารถมีส่วนร่วมในการวิจัยและพัฒนา รวมไปถึงกระบวนการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของไฮเออร์ที่จะทำให้โลกเป็นเสมือนฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ของบริษัท
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit