นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากพระบรมราโชวาทของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ประจำปี 2559 ที่ได้กล่าวถึงแนวทางการปฏิบัติงานของราชการว่า "การปฏิบัติงานทุกอย่างของข้าราชการ มีผลเกี่ยวเนื่องถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชนทุกคน ข้าราชการทุกฝ่ายทุกระดับ จึงต้องระมัดระวังการปฏิบัติทุกอย่างให้สมควรและถูกต้องด้วยหลักวิชา เหตุผล ความชอบธรรม ข้อสำคัญ เมื่อจะทำการใดต้องคิดให้ดี โดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้น ให้รอบคอบและรอบด้าน เพื่อให้งานที่ทำบังเกิดผลดีที่เป็นประโยชน์แท้แต่อย่างเดียว" ดังนั้น สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน จึงน้อมนำพระราชดำริจัดทำโครงการเพื่อเป็นประโยชน์ต่อราชการ และประเทศชาติ มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการประหยัดพลังงาน เนื่องจากประเทศไทยต้องนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่าเกือบปีละ 1 ล้านล้านบาท สนพ. จึงได้ดำเนินโครงการลดการใช้พลังงานภาครัฐ เพื่อให้หน่วยงานราชการเป็นผู้นำในการประหยัดพลังงาน โดยมุ่งหวังกระตุ้นให้ภาคเอกชนและประชาชนมีส่วนร่วมในการประหยัดพลังงานด้วย
โครงการลดการใช้พลังงานในภาครัฐ ได้แบ่งงานออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เป็นการดำเนินงานในพื้นที่ส่วนกลาง โดยให้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดำเนินการชี้แจงผู้แทนคณะทำงานลดใช้พลังงานให้รับทราบและเข้าใจมาตรการลดใช้พลังงานในภาครัฐ จัดทำคู่มือและสื่อรณรงค์ "รวมพลังราชการไทย ลดใช้พลังงาน" ให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งส่วนกลางและภูมิภาค รวมทั้งปรับปรุงเว็บไซต์ www.e-report.energy.go.th เพื่อใช้สำหรับรายงานข้อมูลการใช้พลังงานและประมวลผลตัวชี้วัด และงานในส่วนที่ 2 เป็นการดำเนินงานในส่วนภูมิภาค โดยให้ สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน ซึ่งมีทีมงานของพลังงานจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ดำเนินการจัดประชุมผู้แทนคณะทำงานลดใช้พลังงานของหน่วยงานที่ตั้งอยู่ในจังหวัดต่างๆ และตรวจสอบการใช้พลังงานของหน่วยงานที่มีการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้น เพื่อเข้าไปแนะนำแนวทางการปรับปรุงและแก้ไขปัญหา ทำให้หน่วยงานสามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับงานสัมมนา "โครงการลดการใช้พลังงานในภาครัฐ" ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 จัดขึ้นเพื่อชี้แจงและสร้างความเข้าใจถึงแนวทางการดำเนินโครงการ ปีงบประมาณ 2560 ให้กับพลังงานจังหวัด 76 จังหวัด เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเน้นเจาะกลุ่มหน่วยงานที่มีการใช้พลังงานสูง เพื่อเข้าไปแนะนำแนวทางการปรับปรุงและแก้ไขปัญหา สร้างเครือข่ายพันธมิตรในจังหวัด ตลอดจนดำเนินงานในลักษณะเชิงรุก โดยให้พลังงานจังหวัดจัดทำแผนและตั้งเป้าหมายการประหยัดพลังงานของจังหวัด พร้อมหามาตรการที่เหมาะสมที่จะทำให้บรรลุตามเป้าหมายดังกล่าว
นอกจากนี้ สนพ. ยังได้จัดพิธีมอบรางวัล "EUI-Best" ให้แก่ พลังงานจังหวัดกาฬสินธุ์ พลังงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และพลังงานจังหวัดอุตรดิตถ์ ในฐานะที่สามารถกำกับติดตามมาตรการประหยัดพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม โดยทั้ง 3 จังหวัด มีคะแนนผลประเมินตัวชี้วัดการประหยัดพลังงาน เต็ม 5 คะแนน ติดต่อกัน 3 ปี ตั้งแต่ปี 2556-2558 อีกทั้งยังเป็นการเปิดตัวแอปพลิเคชั่น e-report ที่ สนพ. ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนาขึ้น สำหรับให้หน่วยงานราชการได้ใช้รายงานข้อมูลและติดตามดูผลการประหยัดพลังงานบนโทรศัพท์มือถือทั้งระบบ iOS และ Android เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการรายงานผลตัวชี้วัดได้อีกช่องทางหนึ่ง นอกจากทางเว็บไซต์ที่ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน
"จากการดำเนินงานที่ผ่านมาของโครงการฯ ทำให้หน่วยงานราชการสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ปีละ 190 ล้านหน่วย และลดการใช้น้ำมันได้ปีละ 59 ล้านลิตร หรือคิดเป็นมูลค่าพลังงานที่ประหยัดได้ประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งถือเป็นประโยชน์แก่ข้าราชการในเรื่องของการรณรงค์ประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านของการประหยัดรายจ่ายด้านพลังงาน และเพิ่มโอกาสในการนำงบประมาณไปพัฒนาในด้านอื่นๆ รวมทั้งเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่าข้าราชการไทยจะร่วมกันลดใช้พลังงานสู่เป้าหมายให้ได้ 10%" นายทวารัฐ กล่าวเพิ่มเติม
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit