จาก ส.ค.ส.ปีพุทธศักราช 2555 ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย ทรงเตือนสติให้คนไทยทั้งหลายมีความเพียร เช่นเดียวกับพระมหาชนก ที่ทรงอดทนว่ายน้ำในมหาสมุทรด้วยความเพียร จนรอดชีวิต ประโยชน์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ล้วนเกิดจากการกระทำไม่ได้เกิดจากแค่เพียงคิด...
นี่จึงเป็นที่มาของละครละครเทิดพระเกียรติ "ตามรอยพระราชา จากภูผาสู่มหานที" ละครที่ดัดแปลงจากเหตุการณ์จริงใน "โครงการพลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดินปี 4" ที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นลงในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยความร่วมมือของมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติและสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง บริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ในการจัดสร้าง "ป่าสักโมเดล" ณ พื้นที่ 600 ไร่ของห้วยกระแทก จ.ลพบุรี ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำตามศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงทำและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ศาสตร์พระราชา ที่พระองค์ทรงคิดและทรงทำให้ดูนั้นทำให้ประชาชนอยู่รอดได้จริง
"ตามรอยพระราชา จากภูผาสู่มหานที" เป็นเรื่องราวของ "นารา" คนมีใจอันมุ่งมั่นจะเปลี่ยนแปลงตนเองจากคนเมืองสู่การเป็นเกษตรกร มีโอกาสได้ศึกษาศาสตร์พระราชาและภูมิปัญญาท้องถิ่น จากการเข้าร่วมโครงการพลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน สร้าง "ป่าสักโมเดล" ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ตามศาสตร์พระราชาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่๙ ในวาระครองราชย์ครบ 70 ปี แต่สิ่งที่เธอได้รับ ไม่ใช่เพียงหลักกสิกรรมธรรมชาติ หรือการจัดการน้ำในพื้นที่แบบต่างๆ เธอกลับได้เห็นและได้รับ สิ่งมีค่าอันยิ่งใหญ่มากกว่านั้น จากการทำงานตามรอย "พ่อของแผ่นดิน"
ฉากสำคัญฉากหนึ่งของละครเรื่องนี้คือ ในระหว่างการจัดกิจกรรมรวมพลังตามรอยพ่อฯ กลางดึกได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก ทำให้น้ำในห้วยกระแทกท่วมหลุมที่ขุดเอาไว้ พายุทำลายสถานที่จัดงานระเนระนาด รวมถึงพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ในขณะที่ "หนึ่ง" ทหารผู้ดูแลโครงการป่าสักโมเดลได้รับแจ้งจากทางบ้านว่าพายุเข้าหนัก เขามีท่าทีลังเล แต่แล้วที่สุดหน้าที่ส่วนรวมย่อมสำคัญกว่าหน้าที่ส่วนตัว เขาสั่งให้คนพาพ่อแม่ไปหลบอยู่ในที่ปลอดภัย ส่วนตัวเองวิ่งฝ่าพายุไปประคองกอดพระบรมฉายาลักษณ์ที่กำลังจะปลิวนำไปไว้ในที่ปลอดภัย พร้อมกับแสดงความเคารพอย่างสูงสุด จากนั้นเขารีบวิ่งนำกองกำลังทหารไปช่วยชาวบ้านขุดหลุมรอบห้วยกระแทกท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายอย่างหนัก เนื่องจากวันรุ่งขึ้นจะมีงานตามรอยพ่อของแผ่นดิน เขาจะให้งานของพ่อพังไม่ได้เด็ดขาด หลังพายุสงบ "นารา" ถาม "หนึ่ง" ว่าสิ่งที่ทำไปทั้งหมดนั้นเป็นงานของทหารตรงไหน หนึ่งตอบว่า "หนึ่งในหน้าที่ความรับผิดชอบของทหารนอกจากดูแลประชาชน คือการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้จะเหนื่อย แต่ผลงานจะคงอยู่ และเป็นประโยชน์ให้แผ่นดินตลอดไป"
ซึ่งหลังจากถ่ายทำฉากนี้เสร็จ ร.อ.ณัชร นันทโพธิ์เดช ผู้รับบทพลทหาร "หนึ่ง" พระเอกของเรื่องถึงกับหลั่งน้ำตา เพราะในชีวิตจริงตนก็เป็นทหารของพระราชา แม้จะไม่มีโอกาสได้รับใช้พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ อย่างใกล้ชิด แต่คุณพ่อ พันโทณรงค์เดช นันทโพธิ์เดช และครอบครัวได้รับใช้พระองค์ท่านจวบจนวันที่คุณพ่อเสียชีวิต ตนจึงรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีพ
ร.อ.ณัชร ยังกล่าวอีกว่า " รู้สึกเป็นเกียรติสูงสุดที่ได้ร่วมถ่ายทอดแนวคิดศาสตร์พระราชาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผ่านละครเรื่องนี้ ทำให้ผู้ชมรู้ว่าแนวคิดของพระองค์ท่านทำให้ประชาชนอยู่รอดได้จริง เพราะตัวละครทุกตัวในเรื่องมีตัวตนจริงๆ และน้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้ในการดำเนินชีวิต ดังนั้น เรายิ่งต้องส่งต่อคำสอนและศาสตร์พระราชาของพระองค์ท่านให้ประชาชนรับรู้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนเกิดแรงบันดาลใจลุกขึ้นมาลงมือปฏิบัติบูชาอย่างมีความเพียร ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของละครเรื่องนี้"
ละครเทิดพระเกียรติ "ตามรอยพระราชา จากภูผาสู่มหานที" จะออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 อำนวยการผลิตโดย บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด สร้างสรรค์และดำเนินการผลิตโดย ธิษณา เดือนดาว บทละครโทรทัศน์โดย ปริญญ์ กีรติรัตนลักษณ์ กำกับการแสดงโดย สมเกียรติ วิทุรานิช (ผู้กำกับการแสดง "มะหมา 4 ขาครับ" และ "October Sonata" นำแสดงโดย อลีสญาณ์ ทอย(อลิส ทอย) ร.อ.ณัชร นันทโพธิ์เดช และนักแสดงกิตติมศักดิ์มากมาย รวมไปถึงดาราอาสาที่ร่วมอยู่ในกิจกรรมฯและจะปรากฏอยู่ในละครฯ ด้วย คือ แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ ซี-ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ บอย-พิษณุ นิ่มสกุล และ เก้า-จิรายุ ละอองมณี
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit