พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 5 – 7 ตุลาคม นี้ มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 38 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสาธารณรัฐสิงคโปร์เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยวัตถุประสงค์สำคัญในการเดินทางครั้งนี้ประกอบด้วย 4 ประเด็นหลัก ได้แก่
1. ทำหน้าที่เป็นรองประธานการประชุม และเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการเกษตรและป่าไม้อาเซียน ครั้งที่ 38 และเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีของจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี (อาเซียนบวก 3) ครั้งที่ 16
2. การหารือทวิภาคีกับประเทศสมาชิกอาเซียน และกลุ่มประเทศอาเซียนบวกสามบางประเทศ เพื่อผลักดันความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกัน
3. การลงนามความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนด้านสุขภาพสัตว์และโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน ทั้งนี้ เพื่อเป็นกลไกในการประสานงานและความร่วมมือระดับภูมิภาค ด้านสุขภาพสัตว์ และโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน เพื่อป้องกัน ควบคุม และระงับการแพร่ระบาดของโรคระบาดสัตว์และโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคนข้ามแดนภายในภูมิภาค
และ 4. การประกาศความพร้อมที่ไทยจะได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีด้านการเกษตรและป่าไม้อาเซียน ครั้งที่ 39 และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีของจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 17 ในช่วงเดือนกันยายน ปี 2560 ณ จังหวัดเชียงใหม่
พลเอก ฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับท่าทีของประเทศไทยที่จะเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ นอกจากจะยืนยันถึงความพร้อมของไทยในการสนับสนุนและร่วมมือด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้ ให้มีความต่อเนื่องมากยิ่งขึ้นแล้ว จะขอหารือกับประเทศสมาชิกร่วมกับองค์กรระดับภูมิภาคและองค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ในการเร่งรัดและผลักดันให้เกิดความร่วมมือแก้ไขปัญหาประมงไอยูยูในระดับภูมิภาคให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด รวมถึงการจัดทำ "นโยบายการประมงอาเซียน" เพื่อเสริมความเข้มแข็งของความพยายามร่วมกันในการทำการประมงอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบสู่ความเป็นหนึ่งของประชาคมอาเซียน ขณะเดียวกัน ประเทศไทยจะถือโอกาสนี้นำเสนอนโยบายของกระทรวงฯ ในบางประเด็น อาทิ การลดต้นทุนการผลิตในภาคการเกษตร นโยบาย "ประเทศไทย 4.0" เพื่อเปลี่ยนจากการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมมาเป็น "Smart Farming"และ "การทำการเกษตรแปลงใหญ่" ซึ่งประเทศไทยยินดีแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับประเทศสมาชิกในเวทีต่างๆ ด้วย
ขณะที่การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีของจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี (อาเซียนบวก 3) ไทยจะได้ถือโอกาสขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันสนับสนุนการดำเนินโครงการ และกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมืออาเซียนบวกสามด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้ โดยเฉพาะการดำเนินงานของ องค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม และระบบข้อมูลสารสนเทศความมั่นคงอาหารแห่งอาเซียนบวกสาม ที่เพิ่มความมั่นคงด้านอาหารของภูมิภาคและของโลก และบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อภาคการเกษตร เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายของประชาคมอาเซียนในปี 2568
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit