บล.แอพเพิล เวลธ์ มอง SET เดือนต.ค. แกว่งตัวในกรอบ 1,450 – 1,530 จุด แรงเก็งกำไร Q3/59 หนุน แนะช็อปหุ้นกลุ่มพลังงานอานิสงส์โอเปกลดกำลังการผลิต จับตาปัญหา”ดอยซ์แบงก์”-เลือกตั้งสหรัฐ

05 Oct 2016
บล.แอพเพิล เวลธ์ มองแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยเดือนต.ค.แกว่งตัวในกรอบ 1,450 – 1,530 จุด แรงเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3/59 หนุน คาดยังยืนอยู่เหนือระดับ 2 แสนล้านบาท แนะลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน รับอานิสงส์โอเปกลดกำลังการผลิต ชู PTTGC , BCP, IRPC กลุ่มส่งออกไก่ ยกนิ้วให้ CPF , GFPT จับตาปัญหา "ดอยซ์ แบงก์" –เลือกตั้งประธานาธีบดีสหรัฐ กดดันดัชนี

นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนตุลาคม 2559 คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,450 – 1,530 จุด โดยในส่วนของปัจจัยต่างประเทศที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือ ปัญหาฐานะการเงินของดอยช์ แบงก์หลังจากถูกทางการสหรัฐเรียกค่าปรับ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ ยังเป็นปัจจัยกดดันการลงทุน เนื่องจากหากนายโดนัล ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งอาจส่งผลเสียต่อระบบการค้าเสรีในตลาดโลก และการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกที่ยังช่วยหนุนตลาดฯคือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/59 แม้อาจจะชะลอตัวลงบ้างเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/59 แต่คาดว่าน่าจะรักษาระดับกำไรเหนือระดับ 2 แสนล้านบาท เนื่องจากธุรกิจภาคบริการที่ยังขยายตัวได้ดี , ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวดีขึ้น , ธุรกิจส่งออกไก่ กุ้งยังขยายตัวได้ดี ขณะที่กลุ่มพลังงานทิศทางกำไรน่าจะทรงตัวเนื่องจากทิศทางราคาน้ำมันดูไบในช่วงไตรมาส 3/59 ทรงตัวที่ระดับ 43 ดอลลาร์/บาร์เรล และค่าการกลั่นสิงคโปร์ทรงตัวที่ 5 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มพลังงานคาดผลประกอบการในช่วงปลายปีนี้น่าจะได้รับผลบวกจากข้อตกลงกลุ่มโอเปกที่จะลดกำลังการผลิตลงสู่ระดับ 32.5 – 33 ล้านบาร์เรล / วัน และค่าการกลั่นน่าจะเริ่มฟื้นตัวเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว

"แนวโน้ม SET ในเดือนตุลาคมมีโอกาสปรับตัวในกรอบ 1,450 – 1,530 จุด (Forward P/E 15.2 – 16.0 เท่า) โดยยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการไตรมาส 3/59 ที่คาดน่าจะทรงตัวได้ในระดับมากกว่า 2 แสนล้านบาท ส่งผลให้ Downside ตลาดน่าจะค่อนข้างจำกัด ขณะที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีหน้าคาดยังปรับขึ้นประมาณ 2 ครั้ง ไม่น่าจะส่งลบต่อทิศทาง Fund Flow มากนัก ประกอบกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 3.2 – 3.3 % หลังจากการส่งออก ส.ค. ที่ผ่านมาดีกว่าคาด +6.5 % (YoY) อย่างไรก็ตาม ยังติดตามภาคการท่องเที่ยวที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญของจีน" นายอภิชัยกล่าวในที่สุด

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในเดือนต.ค. แนะนำซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTTGC , BCP , IRPC ที่ได้รับปัจจัยบวกทิศทางราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวขึ้นหลังโอเปกมีมติลดกำลังการผลิต CPF , GFPT การส่งออกไก่มีทิศทางเติบโตดี CPALL คาดได้ปัจจัยบวกการบริโภคฟื้นตัวและได้แรงหนุนจากมาตรการเพิ่มรายได้เกษตรในช่วงท้ายปี