รัฐมนตรีเกษตรฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการป้องกัน/ช่วยเหลือน้ำหลาก จากแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี

17 Oct 2016
พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการป้องกัน/ช่วยเหลือน้ำหลาก จากแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา อีกทั้งยังเพื่อสร้างความมั่นใจว่าการบริหารจัดการน้ำในปัจจุบันได้มีการทำงานเชิงบูรณาการและมีการวางแผนล่วงหน้า รวมทั้งเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน/เกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลจะช่วยเหลือดูแลผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งปัจจุบันได้มีการลดการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาลง แต่ด้วยการคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าจะมีพายุดีเปรสชั่นเข้าที่เวียดนามในคืนนี้ และจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยในบางส่วน จึงได้มีการให้ทุกภาคส่วนติดตามอย่างใกล้ชิด

สำหรับพื้นที่ใน จ.ลพบุรี มีผลกระทบจากที่มีการระบายน้ำ จึงทำให้พื้นที่เกษตรเสียหายบางส่วนแต่ไม่มากนัก ซึ่งน้ำที่มีในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ขณะนี้ค่อนข้างสูง จะสามารถเก็บน้ำได้อีกประมาณ 70 ล้าน ลบ.ม. หากมีผลกระทบจากพายุดีเปรสชั่น ต้องระมัดระวังในการระบายน้ำ แต่ถ้าไม่มีผลกระทบแล้วจะมีการรักษาระดับการระบายน้ำอีก 2 – 3 วัน จนหลังวันที่ 16 ต.ค. 59 จะมีการปรับการระบายน้ำลดลง ดังนั้นพื้นที่ใน จ.ลพบุรีก็จะสามารถคลี่คลายได้ ส่วนพื้นที่ใน จ.อยุธยา โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ ตั้งแต่ จ.สิงบุรี ได้สั่งการว่าเมื่อพ้นวันที่ 16 ต.ค. 59 ไปแล้วน้ำจากทางเหนือเริ่มลดลงประกอบกับไม่มีผลจากพายุดีเปรสชั่น ก็จะสั่งการปรับลดการระบายน้ำลงด้วย ไม่ว่าจะเป็นการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ประตูระบายน้ำ และเขื่อนที่อยู่ด้านข้างทั้งตะวันตกและตะวันออก ซึ่งการปรับลดแบบนี้จะส่งผลให้พื้นที่ใต้ลงมาระดับน้ำจะลดลงด้วย

ทั้งนี้ พื้นที่ที่ต้องระมัดระวังก่อนถึงกรุงเทพฯ คือ ประตูน้ำบางไทร ซึ่งขณะนี้มีการระบายน้ำอยู่ที่ 2,457 ลบ.ม./วินาที แต่หากพายุดีเปรสชั่นไม่มีผลกระทบ การระบายน้ำจะไม่สูงไปกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ขอให้เกิดความมั่นใจว่าพื้นที่ใต้ อ.บางไทร ลงไป ไม่ว่าจะเป็นนนทบุรีและกรุงเทพมหานครจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน อาจจะมีแค่ฝนที่ตกในพื้นที่แล้วเกิดน้ำขังเพียงเท่านั้น นอกจากนี้ สำหรับพื้นที่ใน จ.อยุธยา ที่เก็บเกี่ยวแล้ว และต้องการน้ำเข้าพื้นที่ อาทิ อ.ป่าโมก อ.ผักไห่ และ อ.บางบาล เป็นต้น ซึ่ง อ.ป่าโมก ได้มีการปล่อยน้ำให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในพื้นที่อื่น ๆ ทางจังหวัดและกรมชลประทานในพื้นที่ได้มีการจัดอันดับการปล่อยแล้วไว้เรียบร้อยแล้ว หากประชาชนต้องการน้ำ จะมีการทำประชาคมก่อนทั้งในระดับอำเภอและระดับจังหวัด ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะพิจารณาว่าจะเกิดผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตรหรือไม่ สำหรับพื้นที่ต่อไปที่จะมีการปล่อยน้ำ ได้แก่ อ.ผักไห่ และ อ.บาลบาล ซึ่ง อ.ผักไห่ ยังเหลือพื้นที่เก็บเกี่ยวอีกประมาณ 90 ไร่ จึงขอให้ขยายเวลาไปอีก 1 – 2 วัน

"ขอยืนยันสถานการณ์น้ำอยู่ในการควบคุม/บริหารจัดการได้ อีกไม่นานจะคลี่คลาย หากไม่มีฝนในอีก 2 - 3 วันนี้ จะลดการระบายน้ำลง หรือมีปล่อยน้ำสำหรับการเริ่มเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ซึ่งการนำน้ำเข้าทุ่งต้องเก็บเกี่ยวให้เรียบร้อย ต้องทำประชาคม และฤดูกาลผลิตหน้าต้องส่งเสริมการเพาะปลูกตามห้วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยบริหารจัดการน้ำทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงดำริการสร้างเพื่อปวงชนชาวไทย" พลเอก ฉัตรชัย กล่าว