ทีมที่ร่วมแข่งขันรอบคัดเลือกประกอบด้วย กัมพูชา เจ้าภาพ, บรูไน, ติมอร์ เลสเต และลาว แข่งแบบพบกันหมดและคัดทีมอันดับหนึ่งผ่านเข้าชิงชัยในรอบแบ่งกลุ่ม โดยในวันเสาร์ที่ 15 ตุลาคมนี้ บรูไน จะประเดิมสนามคู่แรกพบ ติมอร์ เลสเต ตามด้วย กัมพูชา พบกับ ลาว
จากนั้นในวันที่ 18 ตุลาคม คู่แรก ติมอร์ เลสเต พบ ลาว คู่ที่สอง กัมพูชา พบ บรูไน และปิดท้ายวันที่ 21 ตุลาคม คู่แรก ลาว พบ บรูไน และกัมพูชา พบ ติมอร์ เลสเต ทีมที่ทำผลงานดีที่สุดจะผ่านเข้ารอบไปอยู่ในกลุ่มบี ร่วมกับเมียนมา เจ้าภาพร่วม, มาเลเซีย, และเวียดนาม
ส่วนกลุ่มเอ มีฟิลิปปินส์ เจ้าภาพร่วม อินโดนีเซีย พร้อมด้วยแชมป์ 4 สมัยอย่าง ทีมชาติไทย และสิงคโปร์ โดยการแข่งขันรอบแรกหรือรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 จะเปิดฉากวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้
สำหรับกัมพูชา หวังจะผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งที่ 6 หลังเคยร่วมโม่แข้งรอบนี้ครั้งหลังสุดเมื่อปีค.ศ. 2008 และพกความมั่นใจเต็มเปี่ยมก่อนประเดิมสนาม หลังจากอุ่นเครื่องถล่มศรีลังกามาได้ 4-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ขณะที่ลาว ตั้งเป้ารักษาสถิติหรูผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียนทุกสมัยนับตั้งแต่เริ่มทัวร์นาเมนต์ในปีค.ศ. 1996 ล่าสุดทำผลงานเสมอกับมัลดีฟส์ 1-1 ในศึกฟุตบอลเอเอฟซี เอเชียน คัพ 2019 รอบคัดเลือก รอบเพลย์ออฟ ซึ่งทำให้ผลรวมสองนัดลาวพ่ายไป 1-5 และคำแพง สายวุฒิ แข้งดังได้รับบาดเจ็บตั้งแต่ต้นเกมด้วย
ทางด้านบรูไน เคยลงเล่นรอบแบ่งกลุ่มเพียงหนเดียวในการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1996 และผลงานอุ่นเครื่องสองนัดล่าสุดแพ้เรียบ แต่โค้ชมองว่าเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับทีมก่อนลงเล่นรอบคัดเลือกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ
ส่วนติมอร์ เลสเต คู่เปิดสนามของบรูไน ในรอบคัดเลือก ก็เพิ่งแพ้ต่อไต้หวัน 2 นัดในรอบ 4 วัน แต่กุนซือ เฟอร์นันโด อัลคันทาร่า ยังเชื่อมั่นในทีมผู้เล่นดาวรุ่ง และตั้งเป้าพาทีมผ่านเข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่มให้ได้เป็นครั้งที่สอง
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit