นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เจ.ดี.พูลส์ ผู้นำด้านอุตสาหกรรมสระว่ายน้ำในรูปแบบแฟรนไชส์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย เผยภาพรวมตลาดสระว่ายน้ำไตรมาส 3 ที่ผ่านมาและไตรมาส 4 มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง สาเหตุจากช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาผู้ประกอบการโรงแรมและรีสอร์ท เร่งการก่อสร้างให้ทันกับช่วงหน้าไฮซีซั่น (High Season) ของการท่องเที่ยวไตรมาสสุดท้าย ทั้งนี้ตลาดสระบ้านไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากนัก แต่ภาพรวมตลาดสระว่ายน้ำในปัจจุบันถือได้ว่ามีการแข่งขันค่อนข้างสูง และมีกลุ่มผู้เล่นรายใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก และมักเน้นแข่งขันหั่นราคาผลิตภัณฑ์ แต่ไม่เน้นใช้วัสดุคุณภาพหรือใช้วัสดุราคาต่ำ ประกอบกับการขาดบริการหลังการขายหรือดูแลและซ่อมบำรุง หวังลดต้นทุนและตัดราคาขายคู่แข่งรายอื่นๆ สุดท้ายสินค้าอาจเสื่อมสภาพเร็วและส่งผลต่อผู้บริโภคในอนาคต
"ปัจจุบันผู้ประกอบการรับสร้างสระว่ายน้ำรายย่อยเน้นการขายราคาต่ำ แต่พยายามเคลมคุณภาพเกินจริง รวมทั้งรายเดิมที่เน้นขายสินค้าต้นทุนต่ำแต่ตั้งราคาขายแพง รวมถึงผู้ประกอบการหลายรายยังคงเน้นทำตลาดสร้างสระว่ายน้ำแบบปูกระเบื้อง ซึ่งในระยะยาวผู้บริโภคอาจพบปัญหาเรื้อรังจากการซ่อมแซมและดูแลสระว่ายน้ำ ที่ผ่านมาตลาดรับสร้างสระว่ายน้ำกว่ากึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50 เมื่อสร้างสระเสร็จแล้วไม่ได้รับการดูแลหรือไม่มีบริการหลังการขาย จึงเกิดปัญหาเสื่อมสภาพและใช้งานไม่ได้ในที่สุด"
ล่าสุดหลังจากบริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวธุรกิจบริการดูแลคุณภาพน้ำ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สระว่ายน้ำให้สระทุกประเภท ภายใต้แบรนด์ พูล โปรแอนด์แล็บ (Pool Pro&Lab : PPL) พร้อมทั้งเปิดตัวรับบริการ 'POOL RENEWAL PROGRAM' หรือบริการรีโนเวทสระว่ายน้ำทั่วประเทศเพิ่มเติมภายใต้แบรนด์ เจ.ดี.พูลส์ ทำให้เจ.ดี.พูลส์ เป็นแบรนด์สระว่ายน้ำรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตและก่อสร้างสระว่ายน้ำ และทำการตลาดในรูปแบบแฟรนไชส์ รวมถึงการบริการหลังการขายและดูแลคุณภาพแบบครบวงจรที่สุด โดยไตรมาส 4 นี้บริษัทฯ ได้จัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นตลาดสระว่ายน้ำ สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการสร้างสระว่ายน้ำ จะได้รับโรบอทอัจริยะรุ่น ACTIVE10 สำหรับทำความสะอาดสระว่ายน้ำ มูลค่ากว่า 50,000 บาท ฟรี ทั้งนี้ลูกค้าผู้สนใจสามารถไปพบกับกลุ่มธุรกิจ เจ.ดี.พูลส์ ผู้นำอุตสาหกรรมสระว่ายน้ำครบวงจรได้ที่งานบ้านและสวนแฟร์ 2559 ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม - 6 พฤศจิกายน 2559 นี้
นายธนูศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ประเมินมูลค่าตลาดสระว่ายน้ำปี 2559 นี้ประมาณ 5,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าแชร์ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 20 หรือ 1,000 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มียอดขาย 250 ล้านบาท โดยยอดขายมาจากลูกค้า 4 กลุ่มหลักๆ คือ 1.)กลุ่มสระบ้าน (กลุ่มสระว่ายน้ำที่สร้างโดยเจ้าของบ้าน) คิดเป็นร้อยละ 65 2.) กลุ่มโครงการพูลวิลล่า (จากเจ้าของโครงการหมู่บ้านและคอนโดมิเนียม) คิดเป็นร้อยละ 15 3.) กลุ่มโครงการโรงแรมและรีสอร์ท และ 4.) กลุ่มอื่นๆ (สระว่ายน้ำจากโรงเรียนหรือหน่วยงานราชการ) คิดเป็นร้อยละ 10 โดยมียอดขายจากกลุ่มลูกค้าแบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดโดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ๆ มียอดขายมากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 85 อาทิ เชียงใหม่ นครราชสีมา (โคราช) สงขลา (หาดใหญ่) ขอนแก่น และภูเก็ต ฯลฯ และจังหวัดกรุงเทพมหานครคิดเป็นร้อยละ 15 อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,000 ล้านบาท โดยคาดว่าไตรมาส 4 นี้จะมียอดขายประมาณ 250 ล้านบาท ทำให้มียอดขายรวมตลอดปี 2559 ประมาณ 940 ล้านบาท หรือต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าน่าพอใจเมื่อเปรียบเทียบกับภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit