"ปอร์เช่ พานาเมร่า ใหม่ คือ ตัวแทนของวิวัฒนาการแห่งงานดีไซน์และเทคโนโลยีล้ำยุค ด้วยความเป็นยนตกรรมซาลูนสุดหรู ถึงกระนั้นรถคันนี้กลับสามารถสะท้อนเอกลักษณ์อันโดดเด่นของรถสปอร์ต 911 รวมถึงถ่ายทอดสมรรถนะ การขับขี่อันสุดยอดเยี่ยมเฉกเช่นเดียวกับรถซุปเปอร์สปอร์ต 918 Spyder และ รถแข่ง 919 Hybrid ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ คือ เครื่องยืนยันถึงความเป็นปอร์เช่สายพันธุ์แท้อย่างไม่ต้องสงสัย" Oliver Blume กล่าวสรุปถึงภาพรวมของ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-hybrid) ใหม่
พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ก้าวล้ำไปอีกขั้น จากขีดความสามารถในการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเป็นระยะทางถึง 50 กิโลเมตร
ผลลัพธ์จากการพัฒนาเซลล์แบตเตอรี่แบบ lithium-ion จนกระทั่งได้มาซึ่งความจุพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ปอร์เช่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) สามารถเดินทางโดยการใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนเป็นระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ตามมาตรฐานการทดสอบของ New European Driving Cycle (NEDC) นับเป็นการปรับปรุงที่ดีขึ้นเป็นอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับรถรุ่นที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้นยังให้อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงที่ประหยัด อย่างน่าอัศจรรย์ในระดับ 40 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 2.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 15.9 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อ 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐานการทดสอบรถยนต์ plug-in hybrid ของ NEDC เช่นเดียวกัน พร้อมค่าการปล่อยไอเสีย CO2 emissions เพียง 56 กรัม ต่อกิโลเมตรเท่านั้น และเพื่อเป็นการตอกย้ำให้เป็นที่ประจักษ์ถึงสมรรถนะการขับขี่ของ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ในฐานะของรถสปอร์ตซาลูนหรูสายพันธุ์แท้ ปอร์เช่จึงได้ติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่สามารถรองรับความเร็วสูงสุดได้ถึง 278 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และถ่ายทอดแรงบิดมหาศาลกว่า 700 นิวตันเมตร จากเครื่องยนต์ลงสู่พื้นถนนเพื่อสร้างอัตราเร่งอันรวดเร็วรุนแรงได้อย่างสมบูรณ์แบบ รถสปอร์ตเครื่องยนต์ hybrid 4 ประตูคันนี้สามารถทะยานออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปยังความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายในระยะเวลาเพียง 4.6 วินาทีเท่านั้น
ความล้ำเลิศแห่งสมรรถนะที่ได้มาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ: พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-Hybrid) ใหม่ ติดตั้งระบบขับเคลื่อนไฮบริดที่มีความก้าวหน้ายิ่งกว่ารถยนต์อื่นๆในระดับเดียวกัน – ด้วยหลักการทำงานที่มีพื้นฐานเดียวกับรถซุปเปอร์สปอร์ต 918 Spyder พละกำลังกว่า 100 กิโลวัตต์ (136 แรงม้า) พร้อมแรงบิดถึง 400 นิวตันเมตร จากชุดมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงในพานาเมร่า – จะแสดงศักยภาพในทันทีที่เท้าของผู้ขับขี่สัมผัสคันเร่ง นั่นหมายความว่ามอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่เสริมพละกำลังอย่างทันทีทันใดอยู่ตลอดเวลา และด้วยการประสานการทำงานกับเครื่องยนต์เบนซิน V6 bi-turbo ขนาดความจุ 2.9 ลิตร รุ่นใหม่ ที่ให้พละกำลังถึง 330 แรงม้า (243 กิโลวัตต์) แรงบิด 450 นิวตันเมตร ย่อมไม่ใช่เรื่องยากในการสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นจากข้อได้เปรียบของการทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์
ปอร์เช่ 911 จีที 3 คัพ (911 GT3 Cup) รถแข่งที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลก
รถแข่งปอร์เช่ 911 จีที 3 คัพ (911 GT3 Cup) ใหม่ ก่อกำเนิดขึ้นจากการทุ่มเทพัฒนาโดยแผนก Porsche motorsport มุ่งเน้นให้เป็นรถแข่ง GT ที่พร้อมสำหรับการเข้าร่วมประลองความเร็วบนสนามแข่งขันทั่วทุกมุมโลก ด้วยน้ำหนักตัวรถรวมเพียง 1200 กิโลกรัม ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ 6 สูบนอนขนาดความจุ 4.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดถึง 485 แรงม้า (357 กิโลวัตต์) เสริมด้วยระบบแปรผันการทำงานของเพลาลูกเบี้ยวทั้งฝั่งไอดีและฝั่งไอเสีย หรือ variable inlet and outlet camshaft control ปรับปรุงหลักอากาศพลศาสตร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของรถ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการถ่ายทอดแรงขับเคลื่อนได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น ส่งผลให้ทำเวลาในสนามได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม
รถแข่งปอร์เช่ 911 จีที 3 คัพ (911 GT3 Cup) จำนวน 3,031 คัน ได้รับการผลิตขึ้นในหลากหลายรุ่นตัวถัง นับตั้งแต่รุ่น 996, 997 และ 991 โดยเริ่มจากปี 1998 เป็นต้นมา จึงไม่น่าแปลกใจที่รถแข่งสมรรถนะสูงจากสตุ๊ทการ์ทคันนี้จะได้รับความไว้วางใจและนิยมนำไปลงแข่งในสนามความเร็วทั่วโลก จนกระทั่งกลายเป็นรถแข่ง GT ที่มียอดจำหน่ายสูงสุด
ปอร์เช่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด (Panamera 4 E-hybrid) : อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 40 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า 15.9 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ค่าการปล่อยไอเสีย CO2 emissions 56 กรัมต่อกิโลเมตร
หมายเหตุ: รับชมภาพประกอบสำหรับรถยนต์ปอร์เช่รุ่นต่างๆ ได้ที่ Porsche Newsroom (http://newsroom.posche.com) และข้อมูลสำหรับสื่อมวลชนที่ Porsche press database (https://presse.porsche.de)
ราคาและกำหนดการวางจำหน่ายมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ กรุณาติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของรถยนต์ปอร์เช่ที่จำหน่ายในประเทศของท่าน ได้ที่ ศูนย์บริการ Porsche Center
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 10 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนถึงการให้ความสำคัญในเรื่องการให้บริการหลังการขายของ เอเอเอส โดยทุ่มเทงบการอบรมวิศวกรของเราให้มีคุณภาสูงสุดตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า "เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ" "AAS Looking after YOU and your CAR" เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า AAS The Name you can Trust ซึ่งได้พิสูจน์ให้ท่านเห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินการมากกว่า 30 ปี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Porsche Centre Bangkok ถ.วิภาวดีรังสิตโทร. 02-522-6655
Porsche Centre Pattanakarn ถ.พัฒนาการโทร. 02-369-1111
Porsche City Showroom Siam Paragon ชั้น 2 โทร. 02-610-9911
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit