แม่ชีโชติรสเล่าว่า เพราะประสบพบเจอปัญหาที่มารุมเร้าในชีวิตมากมาย การระบายออกก็มีทั้งกับเพื่อน แต่บางส่วนก็ไม่สามารถเอ่ยปากขอความช่วยเหลือใครได้เลย แต่เป็นคนโชคดีที่ตั้งแต่เกิดมาเห็นธรรม เห็นทุกข์ มาตลอด มองทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมะ ธรรมดา เป็นเรื่องธรรมชาติก็ทำให้ชีวิตมีความสุขได้
ยกตัวอย่าง ขณะนั่งรถไปโรงเรียน จะได้ยินคนบ่นเรื่องปัญหาชีวิตเป็นประจำ ทั้งการเจ็บป่วย และที่เจอกับตัวเองคือ แม่มักจะพาไปฝากคนอื่นให้ช่วยเลี้ยง ทำให้เกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะบางครั้งผู้ใหญ่ที่รับฝากเลี้ยงก็ไม่ค่อยดูแลเหมือนลูกหลาน แต่สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีของชีวิตเมื่อเราเติบโต สอนให้เรามีความอดทน อดกลั้นและเข้าใจว่า เราจะไม่ได้สิ่งที่ชอบทั้งหมด
สิ่งที่จะคงอยู่กับเราจริงๆ คือ สัจธรรม คำนี้จะทำให้เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับสุข และยอมรับกับทุกข์ที่เกิดขึ้น มองเห็นการสูญเสียเป็นเรื่องธรรมดา กรณีที่เกิดขึ้นกับคุณไพโรจน์ ใจสิงห์ เป็นตัวอย่างที่ดีที่ทำให้เห็นถึงธรรม และความเป็นจริงที่อยู่ในโลกใบนี้ คนที่เคยเป็นพระเอก เคยรูปหล่อ เคยมีความบันเทิง วันหนึ่งเมื่อมีโรคภัยเข้ามาก็เป็นธรรมดาที่จะต้องรักษาก็ต้องยอมรับและปรับตัว
"ความรัก คือ การอยู่ร่วมกัน หากมีใครสักคนเข้ามาใช้ชีวิตร่วมกับเรา มันเป็นสัจจะบารมีที่เราต้องสร้างคู่กันสำหรับคนหนึ่งเราต้องรู้จักเขาทั้งหมด รับกรรมเก่าและรับในตัวตน และครอบครัวของคนที่รักด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า ถ้าคุณจะคิดแต่ว่า เขาจะต้องทำให้เรามีความสุข เราอยู่กับเขาแล้วเราต้องมีความสุข นั่นไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่ความปรารถนาดีต่อกัน แต่เป็นความหลง วันหนึ่งก็หมดไป จืดจางไป เขาก็ไม่อยู่กับคุณ แยกทางกันไป" แม่ชีกล่าว
แม่ชีโชติรสกล่าวเสริมอีกว่า ก่อนแต่งงาน เคยมีเพื่อนเตือนเรื่องความต่างของอายุ เพราะเราอายุน้อยกว่าถึง 29 ปี แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะรู้ดีว่าการมีคนรักก็ต้องดูแลกัน ไม่นานก็จะเจ็บและแก่ แต่อายุไม่ใช่หลักประกันว่าใครจะดูแลใครก่อน วันหนึ่งเราอาจจะต้องพิการ หรือเจ็บก่อนคนที่เรารัก แต่เมื่อถึงวันที่สามีป่วยก็ต้องไปดูแล ทุกอย่างที่เห็น และทำให้เข้าใจธรรมะและมองเห็นสัจธรรมชัดเจนยิ่งขึ้นว่า คนเรามันก็เท่านี้เป็นธรรมดา
"สติ" เท่านั้นที่ทำให้อยู่ได้ ทุกวันนี้ต้องน้อมนำพระพุทธศาสนาเข้ามาด้วย ทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด ตั้งสติก่อนแล้วพิจารณาให้ดี โดยการอยู่ร่วมกันกับใครก็ตามไม่ว่าจะมีอะไรมากระทบ ต้องยอมรับเลยว่า ไม่มีอะไรทำให้เราชอบใจไปทั้งหมด สิ่งที่ดีที่สุดคือการให้อภัยและการมีเมตตาต่อกัน
นอกจากนี้ เชื่อว่า ชีวิตมีปาฏิหาริย์ และปาฏิหาริย์มาจากบุญหรือการกระทำของตนเอง แม่ชีมีวิกฤตหลายอย่างที่เข้ามาในชีวิตและคิดว่าแย่จนบางที วิกฤตนั้นใหญ่เกินไปไม่อาจรับได้ไหว แต่วันที่สามีป่วย การเชื่อมั่นในสภาวธรรม รู้ดีรู้ชั่ว ก็เป็นสิ่งที่ดลใจให้มาบวชเพราะเห็นทุกข์เห็นสุข การบวชนี้ไม่ใช่หนีปัญหา เพราะบวชหลังจากสามีป่วยประมาณ 3 ปี และหลังจากบวชก็หมั่นมาดูแล ซึ่งการดูแลนี้ไม่ได้ถือว่าผิดศีล เพราะศีลมี 3 ระดับขั้น หน้าที่คือธรรมสามารถพิจารณาได้ว่านั่นคือ ธรรมะ อยากให้มองว่าร่างกายเป็นวัด วัดก็เป็นที่รวมของศาสนา เป็นที่รวมของการปฏิบัติธรรม หากได้พิจารณาร่างกายคือ ความว่างเปล่า ตัวเราไม่มีตัวตน วันหนึ่งก็ดับสลายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนร่างกายนั้นก็จะเป็นวิหารธรรมสำหรับกายและจิตใจ
หากยึดมั่นในธรรมและหมั่นสร้างความดี จิตสุดท้ายของชีวิต มุ่งว่าตื่นเช้ามาจะทำอะไรให้เป็นความดี ให้เป็นประโยชน์ ให้คนรอบข้างมีความสุข ตื่นนอนก็ระลึกถึงบุญก่อน สวดมนต์ก่อน หน้าที่การงานอย่าเพิ่งไปนึกถึง มันวุ่นวาย แผ่เมตตาเข้าไปแล้วค่อยมาตั้งสติว่าวันนี้มีอะไรให้ทำบ้าง ก่อนนอนก็ระลึกถึงบุญที่ทำมา ฝันก็จะฝันถึงสิ่งที่เป็นปิติที่ทำอยู่ ถ้าคุณตายไปความปิตินั้นก็จะส่งให้คุณไปสู่ภพภูมิที่ดี และสิ่งไหนที่ทำแล้วเป็นความดี สำหรับคน รอบข้างสำหรับตนเองในวันนี้
คิดดี ใจใส วางให้เป็น วางไม่ได้เป็นเพื่อนกันไปเลย เป็นเพื่อนแล้วให้ดึงสิ่งดีๆมาทำ เป็นเพื่อนกับทุกข์จะทำให้มีสติและเตรียมรับมือได้ทัน คิดเพียงเท่านี้เพื่อตัวเราและคนรอบข้าง พร้อมกับตั้งเป้าหมายของชีวิต ให้เป็นไปตามใจอย่าปล่อยให้เป็นไปตามกรรม สิ่งที่พูดมาเป็นสิ่งที่ประสบกับตนเองและปฏิบัติมาเช่นนี้ตลอด บางสิ่งบางอย่างไม่ได้คาดคิด เข้ามาทำให้ชีวิตพลิกผัน แต่เชื่อเถอะว่าบุญที่ทำมาหรือการกระทำที่หมั่นทำดี จะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ แม่ชีโชติรสกล่าวทิ้งท้าย สำหรับผู้ที่สนใจข้อคิดดีๆ แบบนี้สามารถเข้าร่วมรับฟังธรรมบรรยายโครงการ "เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ" ได้ที่ชั้น 11 อาคารซีพี ทาวเวอร์ ถนนสีลม ทุกวันศุกร์ เวลา 12.00 – 13.30 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 0-2677-1901 หรือwww.cpall.co.th
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit