มาย่า แอนด์ โค พร้อมนำงานวิจัยไทย ลุยตลาดโลก

นายรังสรรค์ ตรงฉาก ประธานกรรมการ บริษัท มาย่า แอนด์ โค จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โอเลสเต้ (O'leste) และเฟียอาเต้ (Fierte ) เปิดเผยว่า ในปีแรกของการนำผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เข้าแข่งขันในตลาดเครื่องสำอางประเภทสกินแคร์ บริษัท โดยตั้งเป้ายอดขายในปีแรกของการทำตลาดอย่างเป็นทางการ ไว้ 100 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 20% และตลาดต่างประเทศ80% โดยการทำตลาดต่างประเทศ บริษัทใช้วิธีสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศ โดยขณะนี้ได้มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศ มาเลเซีย โดยขณะนี้กำลังพิจารณาตัวแทนขายในประเทศอินเดีย จีน เวียดนาม ลาว และ พม่า ทั้งนี้ในช่วงแรกของการเปิดตลาด บริษัทให้ความสำคัญกับตลาด อาเซียน + 9, United Arab Emirates, และ แอฟริกาใต้

ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศ นอกจากขายผ่านช่องทาง E- Commerce ตลาดออนไลน์ ผ่านเวปไซต์ www.olesteskincare.com และ มีวางจำหน่ายในตลาดโมเดิร์น เทรด ซึ่งกำลังเลือกร้านค้าที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่สุด

สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องสำอาง ในปี 2560 คาดธุรกิจความงามของโลกจะมีมูลค่าทางการตลาดของมูลค่า 2.65 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 92.75 แสนล้านบาทไทย (ค่าเงิน 35 บาท) โดยมูลค่าตลาดธุรกิจเครื่องสำอางในประเทศไทยมีสัดส่วนอยู่ในอันดับที่ 17 ซึ่งในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา เฉลี่ย 10-20% ต่อปี

อุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยมีมูลค่าตลาดรวม 2.1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 60 % มูลค่า ทั้งนี้เครื่องสำอางกลุ่ม สกินแคร์ ดูแล ผิวหน้า มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 45% ส่วนตลาดส่งออกมีสัดส่วน 40% โดยในส่วนของการส่งออก เติบโตขึ้นปีละ ประมาณ 18% ต่อปี และ คาดว่าในปี 2563 มูลค่าตลาดรวมจะเติบโตกว่าเท่าตัว

นายรังสรรค์ ยังเปิดเผยว่า บริษัทใช้เงินลงทุนในช่วงแรประมาณ 30 ล้านบาท ในการสนับสนุนงานวิจัย การผลิต การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และการลงทุนในการผลิตสารตั้งต้นจากธรรมชาติ เพื่อให้สารสกัดที่ได้มานั้นมีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งเป็นจุดแข็งของ แบรนด์ โอเลสเต้ (O'leste) และเฟียอาเต้ (Fierte ) คือการนำผลงานวิจัยทั้งของนักวิจัยชาวไทย และต่างประเทศที่ได้รับการรับรอง มาผลิตเป็นสินค้า ที่ระบุชัดเจน ว่าเป็นสินค้า Made in Thailand

มาย่า แอนด์ โค ให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรม และการวิจัยผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ เพื่อให้ได้ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยบริษัทมุ่งเน้นที่ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิว และแก้ปัญหาเฉพาะจุดของผู้บริโภค โดยผลิตภัณฑ์ แบ่งออกเป็น 2 แบรนด์ คือ โอเลสเต้ (O'leste) ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ซึ่งประกอบด้วย NANO SERUM (โอเลสเต้ นาโน เซรั่ม) ซึ่งผลิตจาดสารสกัดดอกดาวเรือง , FACIAL CLEANSER (โอเลสเต้ คลีนเซอร์ ) ที่สามารถทำความสะอาดผิวหน้าอย่างลึกซึ้ง ไปพร้อมพร้อมกับการบำรุงผิว , FACIAL WHITENING CREAM( เฟเชียล ไวท์เทนนิ่ง ครีม) สำหรับผู้ต้องการผิวหน้าขาวใส มีออร่า, FACIAL MIST (โอเลสเต้ เฟเชียล มิส) น้ำแร่ที่มีแหล่งที่มาจากทัวร์มาลีน ที่จะช่วยสร้างความชุ่มชื่นให้ผิวก่อนแต่งหน้า และสร้างความสดชื่นระหว่างวัน และ เจลแต้มสิว ACNE GEL (โอเลสเต้ แอคเน่ เจล) ตัวช่วยลดปัญหาสิวอักเสบและไม่ทำให้เกิดรอยสิว

สำหรับแบรนด์ Fierte (เฟียอาเต้) ปัจจุบันมีสินค้าเพียง 2 ชนิด คือ Fierte UNDERARM WHITENING CREAM (เฟียอาเต้ อันเดอร์อาร์ม ไวท์เทนนิ่ง ครีม) ครีมที่จะช่วยให้ใต้วงแขนขาวเนียนและระงับกลิ่นกาย และ Fierte BREAST CREAM ( เฟียอาเต้ เบรส ครีม) นวัตกรรมธรรมชาติ ช่วยกระชับ และเพิ่มขนาด ทรวงอกแก่หญิงสาว

หลังจากที่บริษัทได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการในการนำผลงานวิจัยสารสกัดนาโนจากดอกดาวเรือง ซึ่งผลงานวิจัยของ รศ.พิมพร ลีลาพรพิสิฐ อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และทีมงาน ไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ สินค้าจากสารนาโนดอกดาวเรืองตัวแรกที่ออกวางตลาด ได้แก่ โอเลสเต้ นาโนเซรั่มดอกดาวเรือง ในอนาคตเราจะมีผลิต นวัตกรรม อีกหลายตัวทยอยออกสู่ตลาด อาทิ ครีมกันแดด ครีมทาคอ เป็นต้น

สารสกัดจากดอกดาวเรืองมีคุณสมบัติในการสร้างความชุ่มชื่น ลดการระคายเคืองผิว เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ช่วยลบรอยเหี่ยวย่น ช่วยให้เซลล์ผิวแข็งแรง เร่งการก่อตัวของชั้นผิว ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี อ่อนเยาว์อยู่เสมอ นอกจากยังพบว่าสารฟลาโวนอยด์ ( Flavonoids) ที่ได้จากสารสกัดดอกดาวเรือง มีฤทธิ์ต่อต้านสารอนุมูลอิสระมากกว่าวิตาอี และวิตามินซีถึง 10 เท่า และด้วยเทคโนโลยี Nano Emulsion ที่ทำให้สารสกัดในการบำรุงผิวมีขนาดเล็ก จนซึบซาบเข้าสู่ชั้นเซลล์ผิวได้อย่างรวดเร็ว กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ กระชับรูขุมขน ผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบัน Asia Dermscan

" เรามุ่งเน้นนำผลงานการวิจัยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ มาสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับการดูแลผิว ในรูปแบบของเครื่องสำอาง และใช้เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ ด้วยคุณภาพผลิตภัณฑ์ระดับสูงในราคาที่เหมาะสม และเราสร้าง แบรนด์ โอเลสเต้ (O'leste) และเฟียอาเต้ (Fierte ) ให้เป็นที่รู้จักในตลาดเครื่องสำอางระดับโลก และสร้างความภาคภูมิใจสู่นักวิจัยและสร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกมากขึ้น ขณะเดียวกันกันก็ยังช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตผลทางการเกษตร ตามนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล " นายรังสรรค์

• ข่าวงานวิจัย
• ข่าวเครื่องสำอาง
• ข่าวงานวิจัยไทย