การเป็นตัวแทนรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

25 Jan 2017
ตามที่กรมสรรพากรได้ประชาสัมพันธ์ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นที่ประสงค์จะเป็นตัวแทนในการรับบริจาคเงินหรือสิ่งของ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์อุทกภัยทางภาคใต้ ต้องมาขึ้นทะเบียนกับกรมสรรพากร นั้น

กรมสรรพากรขอชี้แจงว่า สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ที่ประสงค์ จะเป็นตัวแทนรับบริจาคดังกล่าว จะต้องดำเนินการในลักษณะเป็นสื่อกลางรับบริจาคเงิน ทรัพย์สินหรือสินค้า เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเปิดเผย และต้องขึ้นทะเบียนแจ้งชื่อกับกรมสรรพากร โดยใช้แบบ "คำขอแจ้งเป็นตัวแทนรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติอื่น ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2554 เป็นต้นไป" ยื่นต่ออธิบดีกรมสรรพากร (ผ่านผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการกำกับและตรวจสอบภาษี หรือสรรพากรพื้นที่) ทุกครั้งก่อนการรับบริจาคหรือภายหลังรับบริจาค โดยต้องแจ้งในระหว่างการเกิดเหตุอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติอื่น หรือแจ้งภายในหนึ่งเดือน นับถัดจากวันที่เหตุอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติอื่นนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว สำหรับนิติบุคคลที่ได้เคยขึ้นทะเบียนเป็นตัวแทนรับบริจาคจากเหตุการณ์อุทกภัยหรือภัยธรรมชาติอื่นก่อนหน้านี้ ยังต้องยื่นคำขอเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นตัวแทนรับบริจาคกับกรมสรรพากรในครั้งนี้ด้วย

สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทุกพื้นที่และศูนย์สารนิเทศสรรพากร โทร.1161 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่527) พ.ศ.2554 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อการยกเว้นภาษี เงินได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับเงินได้ ทรัพย์สิน หรือสินค้าที่บริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติอื่น ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2554 เป็นต้นไป โดยมีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เป็นตัวแทนรับเงิน ทรัพย์สิน หรือสินค้าที่บริจาค เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น ลงวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2554