นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่ามหกรรมแข่งขันจักรยานทางไกลประเทศไทย Ride to Khong's Legendary เป็นการสานต่อนโยบายด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ตามทิศทางแผนการตลาดด้านกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดต่างประเทศของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี 2560 ที่มุ่งเน้นจัดกิจกรรม เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ของกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าแนวโน้มของการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างประเทศ โดยเฉพาะการปั่นจักรยาน ดังนั้น การจัดกิจกรรมปั่นจักรยานในลักษณะการแข่งขันทางไกล ควบคู่กับการสร้างการรับรู้ด้านวัฒนธรรม ภาษา ประเพณีท้องถิ่น อีกทั้งยังได้สัมผัสความงามของธรรมชาติตลอดสองข้างทาง ถือเป็นอีกมนต์เสน่ห์ของเมืองท่องเที่ยวที่ผู้คนทั่วโลกหลงใหลและใฝ่ฝันเพื่อมาค้นหา
ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักแข่งจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และอีก 20 ประเทศทั่วโลก อาทิ อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย ลาว เป็นต้น
โดยการแข่งขันในครั้งนี้ได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 Stage เพื่อสร้างความหลากหลาย และความท้าทายตลอดการแข่งขัน ประกอบด้วย
STAGE 1 จ้าวความเร็ว (Speed Hunter) : ขอนแก่นไครทีเรียม ณ บึงแก่นนคร จังหวัดขอนแก่น การแข่งขันจักรยานทางเรียบประเภทความเร็วระยะสั้นแบบนับรอบ ระยะทางต่อรอบ 3.8 กิโลเมตร ประเภทชาย 7 รอบ (26.6 กิโลเมตร) และประเภทหญิง 6 รอบ (22.8 กิโลเมตร)
STAGE 2 ขุนเขาแห่งศักดิ์ศรี (Mountain of Honor): แก่งดอนกลาง จังหวัดกาฬสินธุ์– ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 จังหวัดสกลนคร ระยะทาง 131 กิโลเมตร
STAGE 3 มนต์เสน่ห์แห่งลุ่มน้ำโขง (Charming of Khong) : ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 จังหวัดสกลนคร – วัดกลาง จังหวัดนครพนม ระยะทาง 131 กิโลเมตร
เส้นทางการแข่งขันจะผ่านสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ อาทิ เทือกเขาภูพาน ที่สองข้างทางอุดมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามโดยเฉพาะโค้งปิ้งงู ซึ่งจะเป็นโค้งคดเคี้ยวไปมา เหมือนที่เอางูไปขดใส่ไม้ปิ้ง บริเวณนี้ถือว่าเป็นจุดท้าทายของนักปั่นทุกท่านและเป็นไฮไลท์ที่สำคัญอีกจุดหนึ่ง นอกจากนั้น การแข่งขันจะผ่านเส้นทางวัดพระธาตุเชิงชุม ซึ่งเป็นศาสนสถานสำคัญของภาคอีสาน และสิ้นสุด ณ ลานพญาศรีสัตตนาคราช ที่ตั้งอยู่ ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอีกจุดหนึ่งของจังหวัดนครพนม
การจัดงานมหกรรมแข่งขันจักรยานทางไกลประเทศไทย Ride to Khong's Legendary ครั้งที่ 2 นี้ ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โปรดเกล้าพระราชทานถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะในแต่ละประเภทของการแข่งกัน รวมทั้งสิ้น 6 รางวัล โดยมีผู้ที่ชนะ และได้รับพระราชทานถ้วยรางวัลดังนี้
1. ผู้ชนะการแข่งขันประเภทจักรยานเสือหมอบ รุ่นทีมชาย ได้แก่ ทีมจักรยานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เยอรมันออโต้ ประกอบด้วย ร.ต.ท.ธุรกิจ บุญรัตนธนากร, นางพงศกร สุขใจมุก, นายธนชาต ยะตั๋น, ส.ต.ต.สาธิต เศรษฐ์ชัยยันต์ และร.ต.อ.ณัฐพล จีบถาวรธาวิต
2. ผู้ชนะการแข่งขันประเภทจักรยานเสือหมอบ รุ่นทีมหญิง ได้แก่ทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ประกอบด้วย น.ส.จันทร์เพ็ง นนทะสิน, น.ส.จุฑาธิป มณีพันธุ์, น.ส.วิไลวรรณ กุลภา,
3. ผู้ชนะการแข่งขันประเภทจักรยานเสือภูเขา รุ่นประชาชนชายทั่วไป ได้แก่ นายถาวอน พนอาสา
4. ผู้ชนะการแข่งขันประเภทจักรยานเสือภูเขา รุ่นประชาชนหญิงทั่วไป ได้แก่ น.ส.ศุภักษร นันตะนะ สังกัดทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
5. ผู้ชนะการแข่งขันประเภทจักรยานเสือหมอบ รุ่นประชาชนชายทั่วไป จ่าอากาศโท ภุชงค์ ซ้ายอุดมศิลป์ สังกัดทีม Giant worldbike Thailand ทหารอากาศ
6. ผู้ชนะการแข่งขันประเภทจักรยานเสือหมอบ รุ่นประชาชนหญิงทั่วไป ได้แก่ น.ส.เพชรดาริทร์ สมราช สังกัดทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
ผู้ชนะการแข่งขัน และผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ ซึ่งการได้รับโปรดเกล้าพระราชทานถ้วยรางวัลในครั้งนี้ ถือว่าเป็นถ้วยพระราชทานด้านการแข่งขันจักรยานถ้วยแรก ของรัชสมัย ทั้งนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงสนพระทัยในกีฬาจักรยานและให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ถือได้ว่าการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และที่สำคัญคือการประชาสัมพันธ์เส้นทางจักรยานและแหล่งท่องเที่ยวของ 4 จังหวัดภาคอีสานสู่สายตานักท่องเที่ยวทั่วโลก
แล้วพบกันใหม่ในมหกรรมแข่งขันจักรยานทางไกลประเทศไทย Ride to khong's legendary ครั้งที่ 3 พร้อมพบกับความท้าทายใหม่ๆ และความสวยงามของเส้นทางวัฒนธรรมในพื้นที่ภาคอีสานที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน อีกไม่นานเกินรอ