ทั้งนี้ ททท. ได้ดำเนินโครงการเสริมสร้างมาตรฐานอาหารถิ่น "สุขใจชวนกิน อาหารถิ่นต้องห้ามพลาด" เพื่อชูอาหารไทยในท้องถิ่นเพื่อเสริมกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศให้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว รวมถึงเป็นการผลักดันให้เป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวแบบวิถีไทย โดยร้านอาหารที่ได้รับการคัดเลือกต้องเป็นร้านที่ให้บริการอาหารถิ่นที่กำหนด มีรสชาติแบบดั้งเดิม ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น อร่อย สะอาด และถูกสุขลักษณะ ซึ่งได้กำหนดพื้นที่การดำเนินโครงการไว้ 29 จังหวัด แบ่งเป็น เมนูอาหารท้องถิ่น 5 ภาค ดำเนินการในพื้นที่ "12 เมืองต้องห้าม ... พลาด" และ "12 เมืองต้องห้าม ... พลาดพลัส" รวม 24 จังหวัด ในส่วนของเมนูอาหารไทยยอดนิยม จากโครงการ อะเมสซิ่ง ไทย เทสต์ (Amazing Thai Taste) ดำเนินการใน 5 จังหวัดหลักทางการท่องเที่ยว ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี และกรุงเทพฯ โดยดำเนินการตั้งแต่เดือนสิงหาคมและเสร็จสิ้นในเดือนตุลาคม 2559
พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ กล่าวว่า โครงการเสริมสร้างมาตรฐานอาหารถิ่น "สุขใจชวนกิน อาหารถิ่นต้องห้ามพลาด" ถือเป็นโครงการที่ดี ดังเห็นได้จากแนวคิดในการดำเนินการมุ่งส่งเสริมให้อาหารท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นอาหารประจำภาค จนถึงอาหารประจำชาติ มีมาตรฐานรอบด้านและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติได้เปิดประสบการณ์ในการเลือกรับประทานอาหาร ตามเมนูอาหารถิ่น ต้องห้ามพลาดในทุกครั้งที่เดินทางท่องเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลดีให้กับการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจท้องถิ่น และเชื่อมั่นว่ามาตรฐานที่ทุกร้านอาหารได้รับวันนี้ จะเป็นสิ่งยึดมั่นในการประกอบธุรกิจ ให้มีมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง และเป็นเสมือนตัวแทนของประเทศ ในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวต่างชาติ และชาวไทย ด้วยอาหารที่เป็นวัฒนธรรมที่มีความเฉพาะและมีเสน่ห์
นายยุทธศักดิ์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ททท. ในฐานะหน่วยงานที่ขับเคลื่อนทางด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและได้ดำเนินการส่งเสริมการเดินทางในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการท่องเที่ยวในทุกมิติ รวมถึงอาหารการกิน ซึ่งถือเป็นหนึ่งสินค้าทางการท่องเที่ยวที่สามารถสร้างแรงจูงใจในการเดินทาง รวมทั้งสร้างมูลค่าให้ทรัพยากรท้องถิ่นได้อีกทางหนึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งเมนูและร้านอาหารที่ได้รับประกาศนียบัตรในครั้งนี้ ได้ผ่านการตัดสินจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาหารและวัฒนธรรม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าได้ร้านอาหารที่ได้มาตรฐาน เหมาะสมแก่การแนะนำให้นักท่องเที่ยวได้ใช้บริการ ทั้งนี้ โครงการฯ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากร้านอาหารที่ได้ผ่านการคัดเลือกในขั้นต้น จำนวนมากกว่า 300 ร้านอาหาร และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ทำการลงพื้นที่เพื่อทำการพิจารณา ประเมิน และให้คะแนนร้านอาหาร ด้วยการทำงานร่วมกันกับ สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม, อะเมสซิ่ง ไทย เทสต์, แทรเวลแชนแนลไทยแลนด์ และ โรงเรียนการอาหารไทย เอ็ม เอส ซี โดยมีจำนวนร้านอาหารทั่วประเทศที่ผ่านมาตรฐานจำนวน 138 ร้าน แบ่งเป็น ภาคเหนือ เมนู น้ำพริกหนุ่ม-ไส้อั่ว ลาบคั่ว ข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยว และ แกงฮังเล ได้รับคัดเลือก จำนวน 26 ร้าน ภาคกลาง เมนู น้ำพริกกะปิ แกงคั่ว หลน ปลาดุกผัดเผ็ด และฉู่ฉี่ ได้รับคัดเลือก จำนวน 20 ร้าน ภาคอีสาน เมนู แกงอ่อม ไก่ย่าง ไส้กรอกอีสาน ลาบเป็ด และซุปหน่อไม้ ได้รับคัดเลือก จำนวน 16 ร้าน ภาคตะวันออก เมนู เส้นจันท์ผัดปู ปลากะพงทอดน้ำปลา แกงหมูชะมวง น้ำพริกไข่ปู และ ไก่บ้านต้มระกำ ได้รับคัดเลือก จำนวน 15 ร้าน และภาคใต้ เมนู คั่วกลิ้ง น้ำพริกกุ้งเสียบ แกงส้มปักษ์ใต้ แกงไตปลา และผัดสะตอ ได้รับคัดเลือก จำนวน28 ร้าน และ เมนู อะเมสซิ่ง ไทย เทสต์ (Amazing Thai Taste) ได้แก่ มัสมั่น ต้มยำกุ้ง ส้มตำไทย ผัดไทย ต้มข่าไก่ และแกงเขียวหวาน จากร้านอาหารในจังหวัดท่องเที่ยว 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี และกรุงเทพฯ ได้รับคัดเลือก จำนวน 33 ร้าน
โครงการเสริมสร้างมาตรฐานอาหารถิ่น "สุขใจชวนกิน อาหารถิ่นต้องห้ามพลาด" จึงถือเป็นโครงการที่มีแนวคิด รูปแบบการดำเนินการ และการตัดสิน ที่มีความเป็นมาตรฐาน สร้างความภาคภูมิใจให้กับร้านอาหารที่ได้รับการคัดเลือก อีกทั้งยังเป็นแนวทางให้กับการพัฒนาทางด้านการบริการ และโภชนาการ ของร้านอาหารในประเทศไทยให้มีความสะอาด ถูกสุขอนามัย และมีรสชาติมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
นอกจากมีพิธีมอบใบประกาศนียบัตรรับรองมาตรฐานร้านอาหารแล้ว ททท. ร่วมกับสถาบันอาหาร ได้จัดกิจกรรมการบรรยาย ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหาร ในหัวข้อเรื่อง "ความสำคัญอาหารในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย" โดย นายนิธี สีแพร ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมสินค้าการท่องเที่ยว ททท., กิจกรรมบรรยาย เรื่อง "หลักการจัดการด้านความปลอดภัยในการปรุงอาหาร" โดย นางจันทร์จนา ศิริพันธ์วัฒนา ผู้แทนสถาบันอาหาร พร้อมกันนี้ยังมีการเสวนา หัวข้อ "เสน่ห์อาหารไทย ที่ไหนไหนรสชาติไทยเดียวกัน" โดย ผศ. ดร.นฤมล นันทรักษ์, มล.ภาสันต์ สวัสดิวัฒน์ และ เชฟชุมพล แจ้งไพร ซึ่งเป็นการต่อยอดความรู้และเพิ่มพูนเทคนิค การจัดการเรื่องอาหารได้เป็นอย่างดี
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit