เป็นตอนหนึ่งของเรียงความของเด็กหญิงสุดาชาติกุลวาณิชนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 จังหวัดแม่ฮ่องสอนซึ่งอัยยวัฒน์ศรีวัฒนประภาประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์มีโอกาสได้อ่านกอปรกับได้ไปร่วมทำกิจกรรมอาสาทำความดีเพื่อพ่อที่ท้องสนามหลวงและสังเกตเห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่มาสักการะพระบรมศพมักเป็นผู้เฒ่าผู้ใหญ่โดยมีเด็กเป็นส่วนน้อยจึงอยากทำกิจกรรมที่สนับสนุนให้เด็กนักเรียนในถิ่นทุรกันดารและขาดแคลนทุนทรัพย์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเยาวชนรุ่นหลังได้น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์และนำกลับไปถ่ายทอดให้ครอบครัวเพื่อนๆในโรงเรียนชุมชนและลูกหลานของตนต่อไปในอนาคตจึงเป็นที่มาของกิจกรรม "พาน้องกราบพ่อโดยมูลนิธิคิงเพาเวอร์และไทยแอร์เอเชีย" ซึ่งมอบโอกาสให้คณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์จำนวน 3,999 คนทั่วประเทศเดินทางมาสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชณที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวังรวมทั้งสิ้น 13 วันช่วงตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน-28 ธันวาคม 2559 โดยกลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ได้จัดพนักงานจิตอาสามาร่วมดูแลและอำนวยความสะดวกแก่คณะครูและเด็กนักเรียนนับตั้งแต่ออกเดินทางจากสนามบินต้นทางจนถึงระหว่างการรอสักการะพระบรมศพ
ด้านมล.บวรนวเทพเทวกุลผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจสายการบินไทยแอร์เอเชียกล่าวว่าแอร์เอเชียรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสใช้เครือข่ายการบินที่มีอยู่ทั่วประเทศเป็นสื่อกลางร่วมแสดงความจงรักภักดีจึงได้จัดเที่ยวบินพิเศษเครื่องบินแบบแอร์บัสเอ320 จำนวน 180 ที่นั่งมาเพื่อสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าวพร้อมการพาอาสาสมัครพนักงานของสายการบินแอร์เอเชียประจำจังหวัดต่างๆร่วมเดินทางเพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแก่น้องๆทำให้เราได้เห็นถึงความสามัคคีและความตั้งใจของพสกนิกรไทยที่เดินทางเข้ามาร่วมสักการะพระบรมศพด้วยกันเชื่อว่าจะเป็นประสบการณ์และความทรงจำที่อยู่ในใจไม่รู้ลืม
กนกลักษณ์แปงมูลหรือครูต้อมผู้นำคณะเด็กนักเรียนจากราชประชานุเคราะห์ 21 จังหวัดแม่ฮ่องสอนเล่าว่า "รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมากที่ได้นำเด็กๆมากราบพระบรมศพหลายคนฟิตร่างกายโดยวิ่งรอบสนามทุกวันเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินทางวันนี้แม้จะต้องใช้เวลากว่า 11 ชั่วโมงในการเข้าคิวรอเด็กๆต่างสำรวมไม่บ่นจนกระทั่งถึงเวลาเดินทางกลับก็เข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ"
วิภาเจตนาศุภกิตนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับครูต้อมกล่าวว่า "ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในความทรงจำของหนูเป็นเสมือนเทวดาองค์หนึ่งที่นำโอกาสทางการศึกษามาสู่เด็กดอยอย่างพวกเรานอกจากความรู้ทางวิชาการแล้วหนูยังได้เรียนรู้ถึงเรื่องการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์และการออมซึ่งหนูตั้งใจจะนำความรู้ที่ได้รับไปช่วยพัฒนาชุมชนต่อไป"
"ความจริงพ่อแม่หนูเองก็อยากมาสักการะพระบรมศพแต่บ้านเรายากจนกลับไปหนูจะไปเล่าประสบการณ์ครั้งนี้ให้ครอบครัวและเพื่อนๆในชุมชนได้ฟัง"
สำหรับเด็กจำนวนมากการมาสักการะพระบรมศพในครั้งนี้ยังหมายถึงโอกาสในการโดยสารเครื่องบินและการเดินทางมากรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก
พิมพ์ชนกพุทธพงค์นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 4 จังหวัดนครศรีธรรมราชเล่าว่า "หนูได้มีโอกาสเห็นประชาชนจำนวนมากมาสักการะพระบรมศพผ่านทางทีวีแต่ก็ไม่คิดว่าวันหนึ่งโอกาสนั้นจะมาถึงตัวหนูยิ่งเมื่อทราบว่าจะได้เดินทางโดยเครื่องบินมากรุงเทพฯหนูก็ตื่นเต้นนอนไม่หลับไปหลายคืนคงเป็นประสบการณ์ที่หนูไม่มีวันลืมค่ะ"
ขณะที่ธัญญาพรปกรณ์วนาไพรนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 จังหวัดแม่ฮ่องสอนกล่าวว่า "หนูรู้สึกภูมิใจมากค่ะที่ได้เกิดมาเป็นลูกในแผ่นดินของพระองค์ท่านแม้หนูจะเป็นเด็กชาวเขาแต่ก็มีโอกาสได้เรียนหนังสือหนูขอสัญญาว่าหนูจะตั้งใจเรียนทำความดีเพื่อเป็นการรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน"