คำแถลงเนื่องใน วันสิทธิมนุษยชนสากล โดย โยริโกะ ยาสุกาวา ผู้อำนวยการ UNFPA สำนักงานภูมิภาคเอเซียและแปซิฟิค
Date: 10/12/2016
นี่เป็นประโยคหนึ่งจากเพลง "Taking it to the Streets" โดยพี่น้องตระกูล Doobie ที่ร้องไว้ในปีพ.ศ. 2513 ที่หลาย ๆ ในคนรุ่นของฉันรู้จักและรักอย่างที่ฉันรู้สึก ฉันเคยยกประโยคนี้มาใช้หลายครั้งแล้วในหลายปีที่ผ่านมาที่ทำงานในองค์กรของสหประชาชาติเพื่ออธิบายความหมายของกระบวนการของงานด้านการพัฒนาเพื่อสร้างสังคมที่คำนึงถึงทุกคนโดยอยู่บนพื้นฐานของความสมัครสมานเป็นหนึ่งเดียวกันและการเคารพสิทธิของทุกคน
เนื้อเพลงนี้ถ่ายทอดหลักการในข้อที่ 1 ของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนซึ่งเราเฉลิมฉลองวันนี้ด้วยคำง่ายๆ แต่ชัดเจน โดยข้อ 1 ของปฎิญญาฯ มีเนื้อหาดังนี้
มนุษย์ทั้งปวงเกิดมามีอิสระและ เสมอภาคกันในศักดิ์ศรีและสิทธิ ต่างในตนมีเหตุผลและมโนธรรม และควรปฏิบัติต่อกันด้วยจิตวิญญาณแห่งภราดรภาพ
ทั้งเพลงและปฏิญญาสากลฯ บอกเราว่าเป็นพี่น้องที่ผูกพันคนกันภายใต้ความเป็นมนุษยชาติไม่ควรอิงหลักการนี้อยู่บนการรู้จักหรือความชอบที่มีต่อกันและกัน แต่ควรอิงหลักการดังกล่าวบน "การมีเหตุผลและสามัญสำนึก" และเห็นว่านี่เป็นหน้าที่อย่างแท้จริงของการเป็นมนุษย์โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติ เชื้อชาติพันธุ์ ศาสนา เพศ อายุ หรือความแตกต่างอื่น ๆ ที่เราแต่ละคนมี
หัวข้อของวันสิทธิมนุษยชนสากลในปีนี้ คือ 'ลุกขึ้นเพื่อสิทธิของผู้อื่น' นี่เป็นเรื่องของการแสดงให้เห็นถึงการเป็นพี่ชายน้องชายและพี่สาวน้องสาวกันในชีวิตจริงๆ ไม่เพียงแต่สำหรับครอบครัวหรือเพื่อนของเราเท่านั้นแต่ให้ความรู้สึกนี้แด่พี่ชายน้องชายและพี่สาวน้องสาวที่เราอาจจะไม่เคยรู้จักมาก่อนด้วย การจะทำเช่นนี้ได้จำเป็นต้องมีการเห็นอกเห็นใจ การใช้จินตนาการคิดถึงผู้อื่น และใช้ความเป็นพี่น้องที่เอาใจเขามาใส่ใจเราไม่ว่าพี่สาวหรือน้องชายคนนนั้นจะแตกต่างและห่างไกลเรามากขนาดไหน
ในช่วงหลายปีที่ฉันได้ทำงานในองค์กรของสหประชาชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับงานที่พยายามในการป้องกันและแก้ปัญหาความขัดแย้ง ฉันได้พบว่านี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับมนุษย์ที่จะทำได้แต่ในเวลาเดียวกันก็คุ้มค่ามากที่จะทำ ฉันขอยืมคำพูดของนักเรียนมัธยมปลายที่ฉันพบตอนอยู่ที่ประเทศคอสตาริกา เธอกล่าวว่า สิ่งที่ช่วยให้มนุษย์ออกจากการเป็นเพียงแค่ "ตัวของฉัน" แล้วเข้าไปสู่การสร้างการเป็น "เรา" จำเป็นที่จะทำให้แต่ละชีวิตได้อยู่อย่างคุ้มค่ากับการมีชีวิต ความท้าทายคือการใช้ความรู้สึกเอาใจเขามาใส่ใจเราเพื่อที่จะขยายความเป็น "เรา" ไปสู่กลุ่มคนอื่นๆ นอกเหนือจากคนที่เรารู้จักและรัก
ดังนั้น ในนามของสำนักงาน UNFPA ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ฉันเรียกร้องให้เราทุกคนในภูมิภาคที่กว้างใหญ่และมีความหลากหลายนี้เพื่อรับมือกับความท้าทายในการเอาใจเขามาใส่ใจเราในวันนี้เพื่อขยายวงของคำว่า 'เรา' เพื่อลุกขึ้นเพื่อสิทธิของคนที่เราไม่รู้จัก ของคนที่มีความแตกต่างจากเรา และของคนที่มีความเชื่อที่เราไม่ได้เห็นด้วย
ขอให้เราพยายามเป็นพิเศษเพื่อเอาใจเขามาใส่ใจเราสำหรับคนที่อยู่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงมากที่สุด คนที่ได้รับการยอมรับ และคนที่อยู่ชายขอบ คนที่ถูกเลือกปฏิบัติเพียงเพราะพวกเขาเป็น ชนพื้นเมือง ชนกลุ่มชาติพันธุ์ และคนที่กลุ่มน้อยที่นับถือศาสนาที่แตกต่าง แรงงานข้ามชาติที่ไม่มีเอกสารรับรอง ผู้ลี้ภัย คนพิการ คนที่อยู่ในวรรณะต่ำกว่า คนที่มีเพศวิถีแบบ LGBT คนที่ให้บริการทางเพศ เด็กสาวที่ถูกบังคับให้แต่งงาน คนที่มีเชื้อเอชไอวี คนที่อยู่ฐานล่างสุดของความยากจน ในฐานะที่เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับเด็กหญิงและสตรี UNFPA ขอร้องเป็นพิเศษที่จะให้เราทุกคน ลุกขึ้น เพื่อสิทธิของคนเหล่านี้ที่จะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความรุนแรง การถูกล่วงละเมิด และการถูกเอาเปรียบเพื่อแสวงหาประโยชน์จากคนในบ้านของพวกเขาและจากคนที่น่าจะต้องให้ความรักพวกเขา เราอาจไม่เคยรู้จักพวกเขาเลยแต่พวกเธอคือพี่และน้องสาวของพวกเรา
English version: https://goo.gl/yi4NvY
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit