1. ตรวจเช็ครอยรั่วซึมตามจุดต่างๆ
ตรวจสอบดูใต้ท้องรถว่ามีของเหลวใดๆ ไหลซึมออกมาหรือไม่ อาจเป็นรอยน้ำหยดที่เกิดจากน้ำยาแอร์รั่วซึม หรืออาจหนักถึงขั้นเป็นรอยรั่วจากน้ำมันเกียร์และน้ำมันเครื่องก็เป็นได้ ดังนั้นหากพบรอยรั่วซึม ก็ไม่ควรชะล่าใจและรีบนำรถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทันที
2. ตรวจเช็คความดันลมยางและดอกยาง
เช็คความดันลมยาง ดอกยาง รอยฉีกขาดที่อาจเกิดขึ้นบนหน้ายาง เพราะว่าจะไม่สนุกแน่หากขับรถไปต่างจังหวัดแล้วยางแบนระหว่างทาง ความดันลมยางที่เหมาะสมกับรถยนต์แต่ละรุ่นสามารถตรวจสอบได้จากคู่มือประจำรถ หรือสังเกตขอบประตูด้านในฝั่งคนขับจะมีตัวเลขความดันลมยางที่เหมาะสมระบุเอาไว้ นอกจากนี้การเดินทางไกลก็ควรเพิ่มแรงดันลมยางจากที่ระบุไว้ไปอีก 3-5 ปอนด์/ตารางนิ้ว
3. ตรวจเช็คไฟรถรอบคันและมาตรวัดต่างๆ
ระหว่างการเดินทางไกลนั้น การให้สัญญาณไฟระหว่างรถยนต์ด้วยกันเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟหน้ารถสูง-ต่ำ ไฟเบรก ไฟเลี้ยว และไฟฉุกเฉิน สัญญาณไฟที่ส่องสว่างได้ดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้โดยเฉพาะในเวลากลางคืน มาตรวัดต่างๆ ก็เช่นกัน สังเกตดูว่าเมื่อเรากดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์หรือบิดกุญแจแล้ว มีสัญญาณแจ้งเตือนที่ไม่คุ้นเคยปรากฏขึ้นมาหรือไม่
4. ตรวจเช็คระบบเบรก
เบรกคือหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดในการขับรถ ลองสตาร์ทรถและเข้าเกียร์ D จากนั้นลองเหยียบแป้นเบรกดูว่ารถเบรกอยู่หรือไม่ ระยะห่างระหว่างขากับแป้นเบรกอยู่ในระยะพอเหมาะหรือไม่ ตัวแป้นเบรกมีระยะฟรีและการคืนตัวเป็นอย่างไร หากพบสิ่งผิดปกติ รีบนำรถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบทันที
5. ตรวจเช็คแบตเตอรี่และระดับน้ำกลั่น
เช็คแบตเตอรี่โดยการดูที่ขั้วต่อและสายไฟว่าอยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานหรือไม่ หากไม่ใช่แบตเตอรี่แบบแห้ง ก็ควรเติมน้ำกลั่นแบตเตอรรี่ให้อยู่ในระดับที่กำหนดก่อนออกเดินทาง
6. ตรวจเช็คสายพานภายในรถยนต์
สายพานขับต่างๆ ต้องไม่มีรอยแตกหรือเปื้อนน้ำมันหล่อลื่น และทดลองฟังเสียงว่าเมื่อเดินเครื่องแล้วมีเสียงแปลกๆ ออกมาจากสายพานหรือไม่ และลองใช้มือกดลงตรงกลางของสายพาน หากกดแล้วสายพานหย่อนเกิน 10 มิลลิเมตรก็แสดงว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนสายพานแล้ว
7. ตรวจเช็คที่ปัดน้ำฝนและเติมน้ำยาล้างกระจก
การเดินทางไกล บางครั้งอาจเลี่ยงฝนไม่ได้ ที่ปัดน้ำฝนที่ช่วยให้เรามองเห็นเส้นทางขณะขับขี่ได้อย่างปลอดภัยจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ แม้ว่าเราจะไม่ค่อยใช้งานยางปัดน้ำฝนก็ตาม แต่หากที่ปัดน้ำฝนโดนแสงแดดอยู่เป็นประจำ ก็อาจทำให้ขอบยางที่ปัดเสื่อมสภาพได้ ลองตรวจเช็คโดยฉีดน้ำลงบนกระจกและเปิดสวิทช์ปรับน้ำฝน และสังเกตว่าขอบยางปัดน้ำฝนสามารถปัดคราบน้ำบนกระจกออกหมดหรือไม่ หากปัดออกไม่หมดแสดงว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนอันใหม่
8. ตรวจเช็คระดับของเหลวภายในเครื่องยนต์
อย่าลืมดูแลเครื่องยนต์ของคุณด้วยการตรวจเช็คระดับของเหลวภายในเครื่อง อะไรที่พร่องไปก็ควรเติมให้อยู่ในระดับเหมาะสม เช่น น้ำยาหล่อเย็นในหม้อน้ำ น้ำกลั่นในแบตเตอรรี่ น้ำมันเบรกและคลัทช์ น้ำมันเกียร์ น้ำมันเกียร์เฟืองท้าย น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ และที่สำคัญที่สุด ก็คือเรื่องของน้ำมันเครื่อง โดยต้องเลือกประเภทที่เหมาะสมกับประเภทเครื่องยนต์ที่ใช้งาน และเปลี่ยนตามรอบที่กำหนด
อย่าลืมนำเคล็ดลับง่ายๆ ปฏิบัติเพื่อการเดินทางที่ไม่สะดุด แต่หากยากเกินไป รู้หรือไม่ว่าทีมช่างผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์บริการ เชลล์ เฮลิกส์ พลัส ทุกสาขาในปั๊มเชลล์ทั่วประเทศ ยินดีตรวจเช็คฟรีถึง 10 จุดให้คุณ แม้ว่าจะยังไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก็ตาม และยังพร้อมให้คำแนะนำได้เป็นอย่างดีว่าน้ำมันเครื่องแบบใดที่เหมาะกับรถของคุณ อย่าลืมแวะปั๊มเชลล์ก่อนเดินทาง เพื่อให้เที่ยวได้อย่างอุ่นใจวันหยุดยาวนี้
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit