โครงการเฟสแรกซึ่งเชื่อมโยงระหว่างซาคาลินและมากาดาน สร้างเสร็จในปี 2558 พร้อมเครือข่ายโทรคมนาคมภาคพื้นดินบนคาบสมุทรคัมซัตก้า ซึ่งเชื่อมต่อกับเคเบิ้ลใต้น้ำที่บริเวณอูซท์ บัลเชเร็ซก์ (Ust-Bolsheretzk) ที่ฝังสายเคเบิ้ลใต้ทะเลอาโฮทสก์ (Okhotsk) จากอูซท์ บัลเชเร็ซก์ ในคัมชัตกา ไปยังโอ๊คคา (Okha) ย่านที่พักอาศัยในซาฮาลิน เพื่อลดการพึ่งพาสายโทรศัพท์ที่มีอยู่เดิมซึ่งเชื่อมเปตราลาฟสก์ และคัมชัตสกี้ (Petropavlovsk-Kamchatsky) ลงถึงสี่เท่า เมื่อเทียบกับเส้นทางบนฝั่งที่มีอยู่แล้ว ซึ่งจะต้องพาดผ่านพื้นที่เปล่าที่มีสภาพอากาศเย็นยะเยือกและทุรกันดาร
การสร้างโครงข่ายเคเบิ้ลใต้ทะเลนี้มีความยาวทั้งสิ้นกว่า 1,850 กิโลเมตร ไม่รวมกับระบบใยแก้วบนฝั่งที่มีขนาด 400 Gbps และสามารถเพิ่มได้ถึง 8 Tbps ในอนาคต
โดยหัวเว่ย มารีน บริษัทลูกของหัวเว่ย จะเป็นผู้ดำเนินการวางสายเคเบิ้ลใต้น้ำ ด้วยการใช้เคเบิ้ล อินโนเวเตอร์ หรือเรือชำนาญการติดตั้งสายเคเบิ้ล ที่มีความยาวกว่า 145 เมตร และบรรจุเคเบิ้ลได้ถึง 8,500 ตัน
หัวเว่ย มารีน ดำเนินการติดตั้งโครงข่ายเคเบิ้ลใต้น้ำมาแล้วหลายโครงการทั่วโลก ทั้งในตะวันออกกลาง แอฟริกา เอเชีย และอเมริกาใต้
นิคาไล นิกิฟารัฟ รัฐมนตรีด้านโทรคมนาคมและการสื่อสารของรัสเซีย กล่าวถึงโครงการนี้ว่า "การจัดวางโครงข่ายโทรคมนาคมเคเบิ้ลใต้ทะเลไม่ได้เป็นแค่การสร้าง แต่เป็นการวางระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ที่จะให้บริการที่จำเป็นหลายอย่างในการดำเนินชีวิตประจำวันของทุกคน และทำให้ประชากรในคัมชัตก้า ซาคาลิน และมากาดาน สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อใช้บริการอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐ การศึกษาทางไกล หรือการแพทย์ทางไกลได้ เมื่อผนวกกับบริการไปรษณีย์ที่ยอดเยี่ยมก็จะเป็นพื้นฐานของการพัฒนาธุรกิจขนาดเล็กได้อีกด้วย"
เซร์เก้ย์ คาลูกิ้น ประธานบริษัทรอสเทเลคอม กล่าวว่า "เครือข่ายเคเบิ้ลใยแก้วเป็นหนึ่งในโครงการที่สำคัญที่สุดของรอสเทเลคอม การสร้างโครงข่ายเคเบิ้ลใต้ทะเลจะช่วยขจัดปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการสื่อสารของภูมิภาคตะวันออกไกล เรารู้สึกดีใจที่โครงข่ายเคเบิ้ลใต้ทะเล 'คัมชัตก้า-ซาคาลิน-มากาดาน' จะทำให้ประชากร ตลอดจนภาคธุรกิจและภาครัฐในตะวันออกไกล สามารถเข้าถึงบริการโทรคมนาคมอันทันสมัยได้ครอบคลุมมากที่สุด"
ไอเดน หวู่ ประธานบริหาร หัวเว่ย รัสเซีย กล่าวเสริมว่า "โครงการนี้ถือเป็นโครงการแรกของหัวเว่ยในการสร้างเครือข่ายเคเบิ้ลใต้ทะเลในรัสเซีย และถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้มีส่วนช่วยหาทางออกให้กับปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านดิจิทัล เรามั่นใจว่าเมื่อติดตั้งเฟสสองเสร็จสิ้น การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจะช่วยเปลี่ยนชีวิตของผู้คนในตะวันออกไกล"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit